คุณควรซื้อประกันสุขภาพเอกชนในออสเตรเลียหรือไม่?

Doctor and patient in conversation in hospital hallway

ประกันสุขภาพเอกชนช่วยให้สามารถใช้บริการสุขภาพที่ครอบคลุมมากขึ้นกว่าระบบของรัฐบาล Credit: Solskin/Getty Images

แม้ว่าประชากรออสเตรเลียจะสามารถเข้ารับสิทธิรักษาพยาบาลจากกระทรวงสาธารณสุข-ของรัฐบาลได้ในราคาย่อมเยา แต่ 55% ของประชากรออสเตรเลียก็เลือกใช้ประกันสุขภาพ ซึ่งผู้มีประกันไม่ต้องรอคิวนานและเพิ่มทางเลือกในการเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลหรือแพทย์เฉพาะทางมากขึ้น เรามีรายละเอียดเพื่อช่วยในการพิจารณา


ประเด็นสำคัญ
  • ประกันสุขภาพเอกชนช่วยลดความตึงเครียดของระบบสาธารณสุขของรัฐบาล
  • การคุ้มครองของประกันสุขภาพเอกชนช่วยย่นระยะเวลารอการรักษาที่โรงพยาบาลและจากแพทย์เฉพาะทาง
  • รัฐบาลมีแรงจูงใจให้ประชาชนใช้บริการประกันสุขภาพของเอกชน

กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน

เมดิแคร์ (Medicare) และโรงพยาบาลของรัฐบาลให้บริการดูแลสุขภาพโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและในราคาย่อมเยาที่ออสเตรเลีย

แล้วทำไมเราถึงควรใช้บริการประกันสุขภาพของเอกชน?

คุณทิม เบนเน็ตต์ (Tim Bennett) ผู้เชี่ยวชาญด้านประกันสุขภาพที่เว็บไซต์เปรียบเทียบสินค้าและบริการ กล่าวว่าเมดิแคร์ช่วยให้เรารอดชีวิตได้ แต่ยังไม่ครอบคลุมทุกบริการ
จริงๆ แล้วออสเตรเลียจัดว่ามีบริการสาธารณสุขที่ดีระดับต้นๆ ของโลก แต่ก็ไม่ได้ครอบคลุมทุกอย่าง เช่น ทันตกรรม รถฉุกเฉิน
Wระบบประกันสุขภาพของเอกชนพยายามแบ่งเบาภาระของเมดิแคร์โดยให้ผู้ที่สามารถจ่ายค่าบริการได้ใช้บริการระบบสาธารณสุขของเอกชนแทน หรือใช้บริการพิเศษที่คุณสามารถเลือกได้นอกเหนือจากที่โรงพยาบาล”
กฎหมายออสเตรเลียกำหนดให้การประกันสุขภาพส่วนบุคคล (private health insurance หรือ PHI) ไม่คุ้มครองค่าบริการของผู้ป่วยนอก เช่น การพบแพทย์จีพี (General Practice หรือ GP) การฉายแสง หรือการตรวจสุขภาพนอกโรงพยาบาล

สิ่งที่ครอบคลุมคือหมวดหมู่ ‘โรงพยาบาล’ และ ‘บริการพิเศษ’

การคุ้มครองในโรงพยาบาลจะจ่ายค่ารักษาในโรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยของเอกชน เช่น คุณสามารถเลือกศัลยแพทย์และวันทำหัตถการได้

บริการพิเศษครอบคลุมบริการสุขภาพเฉพาะเจาะจงอื่นๆ เช่น ทันตกรรม กายภาพบำบัดหรือการดูแลสายตา

ความคุ้มครองในส่วนของโรงพยาบาลและบริการพิเศษสามารถซื้อแยกหรือรวมกันได้

แพทย์หญิงราเชล เดวิด (DR Rachel David) ผู้บริหารองค์กรดูแลสุขภาพของเอกชน แห่งออสเตรเลีย (Private Healthcare Australia) กล่าวว่าผู้ถือวีซ่าหรือนักท่องเที่ยวที่มาออสเตรเลียต้องมีประกันสุขภาพเอกชนที่มีการคุ้มครองสุขภาพสำหรับผู้มาเยือนจากต่างประเทศ (Overseas Visitors Health Cover)
หากคุณเข้ามาด้วยวีซ่า เช่น วีซ่าทักษะหรือวีซ่านักเรียน คุณต้องมีประกันสุขภาพส่วนบุคคล
"เมื่อคุณได้สถานะผู้พำนักถาวร (permanent resident หรือ PR) แล้ว คุณสามารถเลือกใช้บริการจากเมดิแคร์ได้ แต่เราพบว่าผู้พำนักถาวรเลือกที่จะยังคงใช้ประกันสุขภาพต่อ”

ปัจจุบันมีการใช้บริการประกันสุขภาพส่วนบุคคลมากขึ้น โดยเฉพาะในหมู่ผู้อพยพใหม่

ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความลำบากในการขอรับบริการจากโรงพยาบาลของรัฐบาล นับตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด-19

“ระยะเวลาในการรอเข้ารับการผ่าตัดแบบไม่เร่งด่วนหรือแบบที่สามารถเลือกเวลาได้นั้นจำกัด ผู้อพยพที่ต้องทำงานไม่สามารถรอเวลาเพื่อเข้ารับการผ่าตัดนานหลายๆ สัปดาห์ได้ หากมีใครได้รับบาดเจ็บ ไม่มีใครสามารถรอ 3-6 เดือนเพื่อนัดผ่าตัดในโรงพยาบาลของรัฐบาลได้”
Close up of man filling in medical insurance form
ผู้ป่วยกำลังกรอกแบบฟอร์มประกันสุขภาพส่วนบุคคล Source: iStockphoto / mediaphotos/Getty Images
บริการดูแลสุขภาพของเอกชน เช่น การผ่าตัดและการดูแลสุขภาพจิต ไม่ต้องคอยนาน ทำให้ผู้ที่สามารถจ่ายได้เลือกใช้บริการนี้ ซึ่งช่วยลดแรงกดดันในระบบสาธารณสุขของรัฐบาลและให้ความมั่นใจว่าจะสามารถรับบริการดูแลสุขภาพได้ เมื่อต้องการ

ไม่ว่าคุณจะเลือกการดูแลสุขภาพแบบไหน นายแพทย์คริส มอย (Chris Moy) กล่าวว่า คุณภาพของบริการดูแลสุขภาพไม่ควรต่างกัน

“แพทย์และผู้ให้บริการสุขภาพอื่นๆ ทำงานด้วยหลักจริยธรรมที่จะดูแลคุณเป็นอย่างดี ไม่ว่าคุณจะใช้บริการดูแลสุขภาพของรัฐบาลหรือเอกชน นั่นหมายความว่าพวกเขาควรดูแลสุขภาพของคุณอย่างดีและทำงานร่วมกับคุณ”

อย่างไรก็ตาม เบี้ยประกันสุขภาพส่วนบุคคลอาจมีราคาแพง รัฐบาลจึงจูงใจให้ประชาชนเข้าร่วมด้วย 3 โครงการ

โครงการแรก การขอรับค่าประกันสุขภาพเอกชนคืน ซึ่งช่วยลดหย่อนค่าบริการรักษาพยาบาลให้ผู้ถือกรมธรรม์
มีการสร้างแรงจูงใจเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนที่มารายได้สูงทำประกันสุขภาพเอกชน
"แต่ยังคงช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้ต่ำ โดยเฉพาะผู้ที่มีความต้องการด้านสุขภาพที่ซับซ้อนให้ใช้ประกันสุขภาพส่วนบุคคลต่อไป โดยรัฐบาลลดหย่อนภาษีเบี้ยประกันให้”
Senior woman at dental clinic for treatment
คนไข้กำลังปรึกษากับทันตแพทย์ที่คลินิก Credit: Luis Alvarez/Getty Images
การขอลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพสามารถขอคืนผ่านการลดหย่อนภาษีของคุณได้ 25%

คุณสมบัติขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น อายุ ประเภทกรมธรรม์ และรายได้

โครงการที่สอง หากคุณมีประกันสุขภาพส่วนบุคคล คุณไม่ต้องจ่ายภาษีเมดิแคร์ (Medicare Levy Surcharge) ซึ่งเป็นภาษีที่เรียกเก็บเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่มีรายได้สูง ที่ไม่มีประกันสุขภาพเอกชน
ทุกคนที่ทำงานจ่ายภาษีเมดิแคร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดเก็บภาษีรายได้รายบุคคล
"สำหรับผู้ที่มีรายได้ครัวเรือนสูงกว่า $183,000 ต่อปีและไม่มีประกันสุขภาพเอกชน ต้องจ่ายภาษีเมดิแคร์ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้พวกเขาใช้บริการประกันสุขภาพเอกชน”

โครงการที่สามคือ ค่าบริการของระบบประกันสุขภาพตลอดชีพ (lifetime health cover loading)

หากคุณอายุมากกว่า 30 ปีและทำประกันสุขภาพครั้งแรก คุณจะถูกเก็บเบี้ยประกันแพงขึ้นเล็กน้อย

“นั่นจะทำให้ไม่มีใครเริ่มซื้อประกันสุขภาพเมื่อพวกเขาอายุ 85 ปี เมื่อพวกเขามีโรคประจำตัว และจ่ายเบี้ยประกันเท่ากับคนอายุ 25 ปี นั่นจะไม่ทำให้ภาระทางการเงินตกเป็นของคนหนุ่มสาว หากคุณอายุเกิน 30 ปี และใช้บริการประกันสุขภาพเอกชนเป็นครั้งแรก คุณจะจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมตามจำนวนปีที่กำหนด และหากคุณรักษาสถานะสมาชิกไว้เกิน 10 ปี ค่าบริการก็จะลดลงเรื่อยๆ”
Full length, wide shot nurse fills in form with family sitting in hospital waiting room
พยาบาลกำลังช่วยคนไข้และครอบครัวกรอกแบบฟอร์ม ขณะนั่งรอรับบริการ Credit: PixelCatchers/Getty Images
คุณอาจเคยได้ยินคำว่า ‘ค่าส่วนต่าง (gap payment)’ หรือ ‘ค่าใช้จ่ายที่ต้องออกเอง (out-of-pocket)’ ซึ่งเป็นค่าส่วนต่างระหว่างค่ารักษาพยาบาลและจำนวนเงินที่บริษัทประกันสุขภาพจ่ายคืนให้คุณ

“หากคุณขอรับบริการจากแพทย์ทั่วไป (แพทย์ GP) หรือแพทย์เฉพาะทาง หรือที่โรงพยาบาล ไม่ว่าคุณจะมีประกันสุขภาพเอกชนหรือไม่ เมดิแคร์หรือบริษัทประกันจะช่วยจ่ายค่าบริการให้คุณจำนวนหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพหรือแพทย์จะเรียกเก็บเงินนอกเหนือจากจำนวนนั้น และนั่นคือสิ่งที่เรียกว่าค่าส่วนต่าง”

หากคุณเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรัฐบาล จะไม่มีค่าส่วนต่าง แต่คุณอาจมีค่าใช้จ่ายอื่นนอกเหนือจากค่าบริการ

หากคุณเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน คุณจะต้องจ่ายค่าบริการพิเศษ เพราะคุณจะเคลมประกันในภายหลัง

อย่างไรก็ตามมีบริษัทประกันสุขภาพเอกชนมากมาย คุณเบนเน็ตต์กล่าวว่าการเลือกประกันสุขภาพส่วนบุคคลที่เหมาะกับคุณนั้นคือการพิจารณาจากข้อเสนอและสิ่งที่คุณต้องการ

"เมื่อความต้องการของคุณเปลี่ยนไปตามกาลเวลา คุณควรตรวจสอบกรมธรรม์ใน 1-2 ปี เพื่อดูว่าคุณยังได้ราคาที่ดีที่สุดอยู่หรือไม่”
เบี้ยประกันยังแตกต่างไปตามระดับของความคุ้มครองและจำนวนของคนที่ขอรับการคุ้มครอง ไม่ว่าจะเป็นคุณคนเดียวหรือทั้งครอบครัว

คุณสามารถชั่งน้ำหนักตัวเลือกกรมธรรม์ประกันสุขภาพได้จากเว็บไซต์ของรัฐบาล privatehealth.gov.au หรือจากเว็บไซต์เปรียบเทียบ เช่น Choice หรือ finder.com.au หรือ comparethemarket.com.au

อ่านหรือฟังเรื่องการตั้งถิ่นฐานในออสเตรเลียได้อีก

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 


Share