ผลวิจัยเผยวัคซีนเอชพีวี (HPV) ป้องกันการเสียชีวิตได้

Cervical cancer vaccine

วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก Source: Thirdman/Pexels

Get the SBS Audio app

Other ways to listen

โรคมะเร็งปากมดลูก (Cervical cancer) อาจกลายเป็นโรคที่พบได้น้อย หลังการฉีดวึคซีนแสดงผลว่าเป็นวิธีที่สามารถระงับโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอัตราของโรคมะเร็งปากมดลูกลดลง 87 เปอร์เซ็นต์ในกลุ่มผู้หญิงที่ได้รับวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่อายุประมาณ 12-13 ปี จากผลการวิจัยของสหราชอาณาจักร


"โรคมะเร็งปากมดลูก (Cervical cancer) เกิดจากไวรัสเอชพีวี (human papilloma virus - HPV) การติดเชื้อจากไวรัสเอชพีวีเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย เมื่อผู้หญิงเริ่มมีกิจกรรมทางเพศ เราทราบว่าผู้หญิงส่วนใหญ่จะติดเชื้อสายพันธุ์เอชพีวีในบางครั้ง และเราทราบว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ อย่างน้อย 85 เปอร์เซ็นต์ จะกำจัดเชื้อได้ด้วยตนเอง"

แต่โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นโรคมะเร็งอันดับที่สี่ ที่พบได้บ่อยในผู้หญิงทั่วโลก จากการรายงานขององค์การอนามัยโลก (World Health Organisation)

ในออสเตรเลียมีโครงการฉีดวัคซีนเอชพีวี (HPV) ฟรีทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2007 เนื่องจากการทดลองพิสูจน์ว่าการฉีดวัคซีนแก่ผู้หญิงที่อายุน้อย มีแนวโน้มที่จะลดการเกิดมะเร็งปากมดลูกและการเสียชีวิตจากโรคนี้

งานวิจัยตัวใหม่ในสหราชอาณาจักรเรื่องการฉีดวัคซีน ที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารลานเซ็ท (Lancet) วารสารทางการแพทย์ เผยว่าเกือบ 500 รายสามารถป้องกันมะเร็งได้อย่างสมบูรณ์ และมีผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกระยะก่อนเป็นมะเร็งน้อยกว่า 17,200 ราย

ศาสตราจารย์มาร์กาเร็ต สแตนเล่ย์ (Professor Margaret Stanley) จากมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ (Cambridge) ผู้มีส่วนร่วมในการวิจัยการฉีดวัคซีนเอชพีวีในขั้นตอนแรก
HPV Vaccine prioneer Professor Margaret Stanley
ศาสตราจารย์มาร์กาเร็ต สแตนเล่ย์ ผู้คิดค้นวัคซีนเอชพีวี (HPV) Source: AP
“ฉันทำงานเกี่ยวกับโรคมะเร็งปากมดลูกและเอชพีวีมากว่า 40 ปี ฉันรู้เรื่องของเอชพีวีตั้งแต่เริ่มต้น และถามว่าฉันตกใจถึงผลการวิจัยไหม? ไม่เลย ฉันดีใจไหม? ฉันดีใจสุดๆ ไปเลย วัคซีนเหล่านี้ เรารู้ว่ามันใช้ได้ผล แต่เราไม่มีข้อมูลว่ามันสามารถป้องกันมะเร็งได้จริงๆ เราต้องการข้อมูลในโลกความเป็นจริงเพื่อโน้มน้าวทุกคนว่าวัคซีนเป็นอย่างที่พูดจริงๆ”  

นักวิจัยกล่าวว่า อัตราของผู้หญิงที่เป็นโรคมะเร็งปากมดลูกลดลง 62 เปอร์เซ็นต์ ในกลุ่มผู้หญิงอายุระหว่าง 14-16 ปีที่ได้รับวัคซีน และลดลงถึงหนึ่งในสาม ในกลุ่มผู้หญิงอายุระหว่าง 16-18 ปีที่ได้รับวัคซีน ตั้งแต่ที่มีโครงการฉีดวัคซีน

ตัวเลขล่าสุดในออสเตรเลียเผยว่า ในปี 2017 มีเพียง 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงที่อายุ 15 ปี ที่ได้รับวัคซีนเอชพีวีครบ 3 โดส นี่เป็นจำนวนที่สูงกว่าสัดส่วนในกลุ่มผู้ชายซึ่งมี 76 เปอร์เซ็นต์

โครงการวัคซีนเอชพีวีสำหรับผู้ชายเริ่มขึ้นในปี 2013 คุณคาริส เบ็ตตส์ (Karis Betts) ผู้จัดการข้อมูลด้านสุขภาพของศูนย์วิจัยมะเร็งแห่งสหราชอาณาจักร กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือการจัดการให้วัคซีนแก่วัยรุ่น
การให้วัคซีนในกลุ่มคนที่อายุน้อยเป็นสิ่งสำคัญ วัคซีนป้องกันไวรัสเอชพีวี ซึ่งเป็นไวรัสที่พบได้บ่อยมากๆ และผู้คนส่วนมากได้รับไวรัสตัวนี้ในช่วงหนึ่งของชีวิต แต่ส่วนมากมักจะหายได้เองและไม่ได้สร้างผลกระทบอะไร แต่การติดเชื้อไวรัสบางประเภทและการติดเชื้อที่เกิดอย่างต่อเนื่องอาจทำให้เซลล์กลายเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ ดังนั้นเพื่อให้วัคซีนมีประสิทธิภาพสูงสุด มันควรต้องฉีดก่อนที่จะมีการได้รับเชื้อ
แต่หลังจากบุคลากรทางแพทย์พบว่ามีการต่อต้านการฉีดวัคซีนอยู่บ้าง จากที่พบได้กับกรณีของวัคซีนโควิด-19 ก็พบได้เช่นกันในการฉีดวัคซีนเอชพีวี โดยผู้ปกครอ งบางท่านไม่เต็มใจที่จะฉีดวัคซีนนี้ให้ลูกที่อยู่ในวัยหนุ่มสาว

ผู้ช่วยศาสตราจารย์แอนนา บีวิส (Anna Beavis) จากสถาบันการแพทย์จอห์นส์ ฮอปคินส์ (Johns Hopkins Medicine) ในสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือแพทย์และบุคลากรทางแพทย์ต้องอธิบายว่าวัคซีนปลอดภัยอย่างไร และเด็กต้องการวัคซีนหรือไม่ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่มีเพศสัมพันธ์

“แพทย์ต้องเข้าใจว่า ผู้ปกครองยังคงกังวลถึงความปลอดภัยและความจำเป็น ด้วยการให้ความรู้เรื่องวัคซีนเพิ่มเติม แพทย์สามารถให้ข้อมูลที่เพิ่มความมั่นใจต่อผู้ปกครอง ในการฉีดวัคซีนแก่ลูกๆ ของพวกเขา เพื่อป้องกันมะเร็งที่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน”
Find a cure
การหาวิธีป้องกันมะเร็งในผู้หญิง Source: Tara Winstead/Pexels
ในปี 2018 ผู้หญิงประมาณ 570,000 พบว่าเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก ในขณะที่ผู้หญิงกว่า 311,000 คนเสียชีวิตด้วยโรคนี้

ศจ. มาร์กาเร็ต สแตนเล่ย์ กล่าวว่าโรคมะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่พบได้ทั่วโลก ซึ่งวิทยาศาสตร์พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สามารถกำจัดได้

“ตอนนี้ ร้อยละ 86 ของผู้หญิงที่อยู่ในประเทศที่มีรายได้ปานกลางและรายได้ต่ำ โดยเฉพาะในแถบแอฟริกาตะวันออก เช่น เคนยา (Kenya) แทนซาเนีย (Tanzania) ซิมบับเว (Zimbabwe) อูกันดา (Uganda) เรียกได้ว่าเป็นแหล่งที่พบโรคมะเร็งปากมดลูกได้สูงที่สุดในโลก หากเราสามารถฉีดวัคซีนให้แก่เด็กผู้หญิงในวัยรุ่นในประเทศเหล่านั้นได้ มะเร็งปากมดลูกจะหมดไป และหลายประเทศพยายามที่จะทำ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย”  


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share