Work from home จะอยู่ต่อไปแม้วิกฤตโควิดผ่านพ้น

Mixed race man working from home on his computer during lockdown

การทำงานจากที่บ้านจะยังคงอยู่ แม้มาตรการสกัดโควิด-19 จะสิ้นสุดลง Source: Digital Vision/Getty Images

การทำงานจากที่บ้านในสถานการณ์โควิด-19 อาจเป็นแบบนี้ต่อไปในอนาคต หลังรายงานด้านการทำงานของออสเตรเลีย พบคนทำงานจากที่บ้านเพิ่มสูงถึงราว 40% เทียบกับราว 8% ก่อนการแพร่ระบาดจะเกิดขึ้น และคาดว่าจะยังอยู่ในระดับนี้ต่อไป แม้มาตรการจำกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะสิ้นสุดลง


LISTEN TO
Coronavirus pandemic has changed work forever: Productivity Commission  image

Work from home จะอยู่ต่อไปแม้วิกฤตโควิดผ่านพ้น

SBS Thai

20/09/202106:24
การทำงานจากที่บ้าน จะไม่ใช่เพียงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะการแพร่ระบาดใหญ่อีกต่อไป รายงานฉบับใหม่ของคณะกรรมการผลิตภาพ (Productivity Commission) ได้คาดการณ์ตัวเลขโดยรวมว่า จำนวนผู้คนที่ทำงานจากที่บ้านจะยังคงอยู่ในระดับสูง แม้มาตรการล็อกดาวน์จะสิ้นสุดลงไปแล้ว

คุณแอนดี วิเธอส์ (Andy Withers) เป็นบรรณาธิการอาวุโสจากบริษัทสื่อกีฬานานาชาติ เขารู้สึกมีความสุขที่ได้ใช้เวลาอยู่ที่บ้านระหว่างทำงานได้มากขึ้น เช่นเดียวกับอีกหลายคน   

“ไม่มีวันไหนที่ผมไม่รู้สึกขอบคุณข้อดี และสิทธิพิเศษที่ผมมีในอาชีพการทำงานของผม ผมเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า มีผู้คนจำนวนมากที่ไม่ได้อยู่ในจุดที่สามารถทำงานได้จากที่บ้าน” คุณวิเธอส์ กล่าว

ประชากรวัยทำงานประมาณ 2 ใน 3 ไม่มีทางเลือกในการทำงานจากที่บ้านเช่นนั้น แต่สำหรับผู้ที่ทำงานจากที่บ้านได้นั้น สิ่งนี้ก็อาจเป็นประโยชน์กับทั้งลูกจ้าง และนายจ้างด้วยเช่นกัน

คุณไมเคิล เบรนแนน (Michael Brennan) ประธานคณะกรรมการผลิตภาพของออสเตรเลีย เชื่อว่า การเปลี่ยนมาทำงานจากที่บ้านนั้น มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย

“แน่นอนว่า คุณต้องการที่จะเข้าใจ คุณต้องการจับตา และติดตามอย่างใกล้ชิด แต่คุณคงไม่ต้องการขัดขวางเทคโนโลยีที่อาจนำพาโอกาสใหม่ ๆ และความเป็นไปได้ที่พนักงานและบริษัทต่าง ๆ จะสามารถทำงานตามแนวทางที่พวกเขาเห็นสมควร” คุณเบรนแนน กล่าว

รายงานจากคณะกรรมการผลิตภาพยังได้เน้นอีกว่า การทำงานจากที่บ้านนั้นก็มีด้านลบ ซึ่งรวมถึงผลกระทบต่อสุขภาพจิต ขณะที่ผู้นำสหภาพระบุว่า มีผลพลอยได้อื่น ๆ ที่ไม่พึงประสงค์จากการทำงานที่บ้านด้วยเช่นกัน

คุณมิเชล โอนีล (Michelle O’Neill) ประธานสภาหอการค้าออสเตรเลีย (ACTU) อธิบายว่า

“สิ่งที่เราพบจากการทำแบบสำรวจเมื่อปีที่แล้วก็คือ คนทำงานจากที่บ้านในตอนนั้น ต้องทำงานเพิ่มจากชั่วโมงงานปกติที่เคยทำอยู่ในที่ทำงานอย่างน้อย 2 ชั่วโมง และเวลาทำงานที่เพิ่มเติมจากนั้นมา คือชั่วโมงงานที่ไม่มีค่าตอบแทน” คุณโอนีล อธิบาย

นอกเหนือจากความกังวลดังกล่าว คุณโอนีล แสดงความกังวลอีกว่า ผู้หญิงกำลังพบกับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น

“สำหรับผู้หญิงในวัยทำงานส่วนใหญ่ พวกเขายังมีความรับผิดชอบมากขึ้น ในการดูแล และช่วยเหลือการเรียนจากที่บ้านของบุตรหลาน มันจึงไม่ใช่ภาพที่เท่าเทียมกัน ในแง่ว่าใครต้องทำงานบ้านเพิ่มเติมจากการทำงานจากที่บ้าน” คุณโอนีล กล่าว

คุณไมเคิล เบรนแนน ประธานคณะกรรมการผลิตภาพ กล่าวอีกว่า รายงานดังกล่าวสรุปได้ว่า การทำงานแบบผสมจากที่บ้านและที่ทำงานนั้น คือลักษณะการทำงานในอุดมคติ

“รูปแบบการทำงานที่ดูเหมือนว่าธุรกิจจำนวนมากให้ความสนใจ ในฐานะวิธีที่ดีที่สุดในการไกล่เกลี่ยความต้องการให้ความยืดหยุ่นกับคนทำงาน เพื่อทำงานจากที่บ้านในบางครั้ง และยังได้ประโยชน์จากการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล

“เป็นไปได้ว่า รูปแบบการทำงานแบบผสมผสาน ที่เปิดโอกาสให้ผู้คนมีความยืดหยุ่นในการทำงานจากที่บ้านได้บางเวลา และยังมีคนทำงานอยู่ในที่ทำงานในช่วงเวลาส่วนใหญ่นั้น อาจเป็นสิ่งที่ลงตัว” คุณเบรนแนน กล่าว

สำหรับคนทำงานอย่าง คุณแอนดี วิเธอส์ เขากล่าวว่า มันเป็นวิธีทำงานที่ทำให้เขาหัวแล่นมากขึ้น

"ผมจะหัวแล่นกว่าเมื่ออยู่ที่บ้าน เพียงเพราะไม่ต้องใช้เวลาเพิ่มอีกเป็นชั่วโมง ในการเดินทางไปกลับที่ทำงานช่วงเช้าและช่วงเย็น ทำให้เริ่มวันใหม่ได้สดชื่นกว่า เพราะไม่ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงบนระบบขนส่งสาธารณะ ไม่ต้องแก่งแย่งกับคนอื่น ๆ ไม่ต้องเจอรถไฟที่มาสาย หรืออะไรทำน้องนั้น"

"ผมว่าตัวผมเองหัวแล่นมากขึ้น และที่แน่นอนก็คือ ไม่เคยหัวแล่นน้อยไปกว่าเดิม" คุณวิเธอส์ กล่าว


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 
เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย

ร้านอาหารไทยเปิดใจหลังตกเป็นข่าวใหญ่เพราะโควิด


Share