อธิบายวีซ่าบริดจิ้งของออสเตรเลีย

Visas stamped on passport

วีซ่าที่ถูกประทับตราบนหนังสือเดินทาง Source: Jodie Griggs/Getty Images

วีซ่าบริดจิ้ง (Bridging Visa) นั้นมีหลายประเภท แตกต่างไปตามสถานการณ์ของผู้สมัคร Settlement Guide อธิบายวีซ่าบริดจิ้งที่พบได้บ่อย รวมถึงสิทธิและเงื่อนไขของวีซ่า


เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2020 จำนวนผู้ถือวีซ่าบริดจิ้งในออสเตรเลียพุ่งสูงถึง 350,000 คนเป็นประวัติการณ์

นายอลัน ริกัส (Alan Rigas) จากสำนักงานทนายความอลัน ริกัส (Alan Rigas Solicitors) ที่ซิดนีย์ อธิบายว่า ผู้อพยพต้องอาศัยอยู่ในออสเตรเลียอย่างถูกกฎหมาย และวีซ่าบริดจิ้งทำหน้าที่ช่วยให้ผู้ที่รอวีซ่าและผู้ที่มีวีซ่าหมดอายุปฏิบัติตามกฎ

 “วีซ่ามีสองประเภท ประเภทแรกคือวีซ่าที่ระบุวันหมดอายุ (Substantive Visa) ซึ่งมักจะขอก่อนที่จะเดินทางเข้าประเทศ เช่น วีซ่าท่องเที่ยว (Visitor Visa) วีซ่าทำงานและท่องเที่ยว (Work and Holiday Visa) แม้กระทั่งวีซ่าผู้พำนักถาวร (Permanent Residency) วีซ่าอีกประเภทคือวีซ่าบริดจิ้ง (Bridging Visa) ซึ่งแปลตามตัวคือวีซ่าที่เป็นสะพานไปสู่วีซ่าตัวใหม่หรือสถานะผู้พำนักอื่น วีซ่าบริดจิ้งไม่ใช่วีซ่าหลัก แต่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการก่อนผลวีซ่าจะออก และผลวีซ่านั้นอาจเป็นวีซ่าตัวใหม่ให้สามารถอาศัยอยู่ได้อย่างถูกกฎหมาย หรืออาจหมายถึงการต้องเดินทางกลับประเทศ”
โดยปกติแล้ววีซ่าบริดจิ้งจะมีสถานะตามวีซ่าที่มีอยู่ก่อนยื่นสมัครวีซ่าตัวใหม่ นายริกัสอธิบาย

 “วีซ่าบริดจิ้งที่พบบ่อยคือวีซ่าบริดจิ้ง เอ (Bridging Visa A) มักอนุมัติให้ผู้ที่ไม่ได้ถือสัญชาติออสเตรเลีย ซึ่งยื่นสมัครวีซ่าตัวใหม่ในระหว่างที่ยังอาศัยอยู่ด้วยวีซ่าที่ยังไม่หมดอายุ เช่น ถ้าคุณถือวีซ่าท่องเที่ยวและยื่นสมัครวีซ่านักเรียน (Student Visa) คุณจะได้รับวีซ่าบริดจิ้ง เอ ข้อดีคือวีซ่าบริดจิ้งนี้อนุญาตให้คุณสมัครวีซ่าบริดจิ้ง บี (Bridging Visa B) ซึ่งอนุมัติให้คุณเดินทางได้ ดังนั้นหากคุณยื่นสมัครวีซ่าในขณะที่วีซ่าที่คุณถืออยู่ยังไม่หมดอายุ คุณน่าจะได้รับวีซ่าบริดจิ้ง เอ”

วีซ่าบริดจิ้ง บี (Bridging Visa B) อนุญาตให้เดินทางออกจากออสเตรเลียและกลับเข้ามาภายในเวลาที่กำหนด ในระหว่างที่วีซ่าที่ยื่นสมัครไปก่อนหน้านั้นกำลังดำเนินการอยู่ นายราวี วาสวานี (Ravi Vaswani) ทนายความด้านการอพยพย้ายถิ่นที่ พ็อกเก็ต ลีกัล (Pocket Legal) อธิบาย

 “วีซ่าบริดจิ้ง บี มีประโยชน์ในกรณีที่คุณถือวีซ่าบริดจิ้ง เอ และคุณอยากเดินทาง เช่น คุณมาด้วยวีซ่าท่องเที่ยว และคุณยื่นสมัครวีซ่าคู่ครอง (Partner Visa) คุณได้รับสิทธิ์ในการทำงานและเมดิแคร์ (Medicare) แต่คุณอยากกลับบ้าน  คุณสามารถสมัครวีซ่าบริดจิ้ง บี ซึ่งอนุญาตให้คุณเดินทางออกจากออสเตรเลีย และมีสถานะเดียวกับวีซ่าบริดจิ้ง เอ หลายคนใช้วีซ่าตัวนี้เพื่อเดินทางกลับเข้ามา ซึ่งเมื่อวีซ่าบริดจิ้ง บี หมดอายุ สถานะวีซ่าจะกลับไปที่วีซ่าบริดจิ้ง เอ “
Girl at airport with suitcase
คนที่กำลังออกเดินทางไปต่างประเทศที่สนามบิน Source: Alexandr Podvalny/Pexels
เฉพาะผู้ที่ถือวีซ่าบริดจิ้ง เอ และวีซ่าบริดจิ้ง บี เท่านั้นที่จะสามารถยื่นสมัครวีซ่าบริดจิ้ง บี ได้ นายวาสวานีกล่าวว่า วีซ่าบริดจิ้งนั้นมีหลายประเภทและได้รับสิทธิ์แตกต่างกัน
วีซ่าบริดจิ้งมีลำดับขั้นของมัน เริ่มจากวีซ่าบริดจิ้ง เอ ที่อยู่สูงสุดและวีซ่าตัวอื่นที่ต่ำลงไปเรื่อยๆ ความยากก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่การยื่นขอ แต่ยังรวมถึงสถานการณ์ที่ทำให้คุณต้องยื่นเรื่อง เงื่อนไขที่อาจมากับวีซ่า และเวลาที่คุณจะถือวีซ่า หากคุณเปรียบเทียบระหว่างวีซ่าบริดจิ้ง เอ และวีซ่าบริดจิ้ง อาร์ (Bridging Visa R) จะเหมือนอยู่คนละโลกเลย
 วีซ่าบริดจิ้ง ซี (Bridging Visa C) อนุญาตให้คุณอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย หลังจากวีซ่าบริดจิ้งปัจจุบันหมดอายุในขณะที่วีซ่าตัวใหม่กำลังดำเนินการอยู่ นายวาสวานีกล่าว

 “ตัวอย่างเช่น คุณยื่นสมัครวีซ่าท่องเที่ยว คุณได้รับวีซ่าบริดจิ้ง เอ ในระหว่างที่วีซ่าท่องเที่ยวกำลังดำเนินเรื่องอยู่ มีคนเสนอสปอนเซอร์ (Sponsor) คุณให้ทำงาน คุณไม่อยากเสียโอกาส จึงยื่นสมัครวีซ่าทำงาน คุณจะไม่ได้วีซ่าบริดจิ้ง เอ ระหว่างรอผล คุณจะได้วีซ่าบริดจิ้ง ซี”

ปกติแล้ววีซ่าบริดจิ้ง ซี จะไม่มีสิทธิ์ทำงาน นายวาสวานีอธิบาย

 “วีซ่าบริดจิ้ง ซี อนุญาตให้คุณอยู่ในออสเตรเลียขณะที่วีซ่าตัวใหม่กำลังดำเนินการ แต่มีเงื่อนไขคือไม่มีสิทธิ์ทำงาน คุณไม่สามารถเลื่อนระดับวีซ่าบริดจิ้งของคุณขึ้นได้ วีซ่าบริดจิ้งตัวนี้ไม่อนุญาตให้คุณเดินทาง คุณอยู่จนกว่าผลวีซ่าจะออก และคุณไม่สามารถยื่นสมัครวีซ่าบริดจิ้ง บี เพื่อเดินทางออกและกลับเข้ามาใหม่ได้” 
Image for reference only.
เครื่องบินกำลังบินขึ้น Source: Issarawat Tattong/Getty Images
วีซ่าบริดจิ้ง อี (Bridging Visa E) อนุญาตให้คุณอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย ระหว่างที่คุณเตรียมเดินทางกลับประเทศ จัดการเรื่องต่าง ๆ หรือรอผลการตัดสินวีซ่า นายวาสวานีอธิบาย

 “ในกรณีที่คุณไม่ได้ถือสัญชาติและกำลังอาศัยอยู่อย่างผิดกฎหมาย โดยวีซ่าบริดจิ้งก่อนหน้านี้ของคุณหมดอายุหรือถูกยกเลิก (Cancelled) คุณเตรียมตัวเพื่อกลับประเทศ แต่คุณไม่อยากเสี่ยงถูกส่งไปด่านกักกัน (Detention) หรือส่งตัวกลับ (Deport) คุณสามารถขอวีซ่าบริดจิ้ง อี ในระหว่างที่ยื่นขอวีซ่าตัวใหม่ได้ เช่น วีซ่าคู่ครอง วีซ่าเพื่อการปกป้องชั่วคราว (Protection Visa) ในกรณีนี้คุณจะได้รับวีซ่าบริดจิ้ง อี เพื่อให้คุณสามารถอยู่ในออสเตรเลียได้”

 วีซ่าบริดจิ้ง อี อาจไม่ได้รับสิทธิ์ในการทำงาน แต่คุณสามารถยื่นขอสิทธิ์เพื่อทำงานได้ คุณริกัสชี้
สิ่งสำคัญสำหรับหลายคนคือ หากคุณได้วีซ่าบริดจิ้งที่ไม่มีสิทธิ์ทำงาน แต่ถ้าคุณสามารถแสดงเหตุผลอันสมควรว่าคุณต้องการทำงาน เช่น คุณอาจมีปัญหาด้านการเงิน หรือคุณต้องทำงานให้กับสปอนเซอร์ที่ยื่นวีซ่าทำงานให้คุณ ในระหว่างรอผลวีซ่า คุณอาจได้รับอนุญาตให้ทำงาน
ยังมีวีซ่าบริดจิ้งประเภทอื่นอีก เช่น วีซ่าบริดจิ้ง ดี (Bridging Visa D) เมื่อมีเหตุขัดข้องในการยื่นขอวีซ่าตัวใหม่ เช่น เจ้าหน้าที่ไม่สามารถนัดสัมภาษณ์ผู้สมัครได้ในตอนนั้น หรือผู้สมัครยื่นแบบฟอร์มวีซ่าผิดประเภท ซึ่งหลังจัดการเรื่องได้แล้ว อาจได้รับวีซ่าบริดจิ้ง ซี

วีซ่าบริดจิ้ง อาร์ (Bridging Visa R) สำหรับผู้ที่อยู่ในสถานกักกันตรวจคนเข้าเมือง (Immigration Detention) ซึ่งเหตุผลของการเนรเทศออกนอกประเทศนั้นไม่สมเหตุสมผล วีซ่าบริดจิ้งนี้อนุญาตให้ปล่อยตัวออกจากสถานกักกัน ระหว่างรอสถานะวีซ่าใหม่

วีซ่าบริดจิ้ง เอฟ (Bridging Visa F) จะใช้ในกรณีบุคคลที่ไม่มีสถานะวีซ่าและเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ ซึ่งน้อยคนที่จะได้รับอนุมัติวีซ่าประเภทนี้

การสมัครวีซ่าบริดจิ้งนั้นสามารถยื่นได้โดยตรงกับกระทรวงมหาดไทย ในกรณีของสถานการณ์ที่ซับซ้อน ควรขอคำแนะนำทางกฎหมายโดยด่วน โดยเฉพาะหากวีซ่าหมดอายุ


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share