เรื่องที่อยู่อาศัยจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อผลการเลือกตั้ง

An auction director conducts an auction on a property at Glen Iris in Melbourne (AAP)

An auction director conducts an auction on a property at Glen Iris in Melbourne (AAP) Source: AAP

Get the SBS Audio app

Other ways to listen

สองพรรคการเมืองหลักได้แถลงนโยบายการช่วยให้ชาวออสเตรเลียได้มีบ้านเป็นของตัวเอง แต่นโยบายเหล่านี้จะสร้างความแตกต่างได้มากแต่ไหนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ราคาบ้านเพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ใน 12 เดือนที่ผ่านมา


ความฝันอันยิ่งใหญ่ของชาวออสเตรเลียที่จะมีบ้านเป็นของตัวเองสักหลังกลายเป็นประเด็นสำคัญประการหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาอภิปรายกันในการเลือกตั้งระดับสหพันธรัฐครั้งนี้

ทั้งสองพรรคการเมืองหลักต่างๆ ได้แถลงนโยบายหลักในการช่วยให้ชาวออสเตรเลียได้มีบ้านเป็นของตัวเอง

แต่จากราคาบ้านที่เพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา นโยบายจากพรรคการเมืองหลักต่างๆ จะสร้างความแตกต่างได้หรือไม่?

กด ▶ เพื่อฟังรายงาน
LISTEN TO
What impact will housing have on the election result image

เรื่องที่อยู่อาศัยจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อผลการเลือกตั้ง

SBS Thai

13/05/202208:18
คุณแอมริตา นายาค กำลังมองหาบ้านสักหลังเพื่อเริ่มสร้างครอบครัว พร้อมมีสนามหลังบ้านสำหรับสุนัขสักตัว

แต่ดูเหมือนว่า กำลังยากลำบากขึ้นทุกทีที่จะทำให้ความฝันนี้เป็นจริง

้เธออาศัยอยู่ในกรุงแคนเบอร์รา ซึ่งราคาบ้านโดยเฉลี่ยพุ่งทะลุ 1 ล้านดอลลาร์ไปแล้ว

“เงินดาวน์เป็นปัญหาหลักและราคาบ้านก็เช่นกัน ตลาดที่อยู่อาศัยมันน่าขันมากตอนนี้ ถ้าจะพูดก็คือว่า มันแพงมากๆ” คุณนายาค กล่าว

ที่อยู่อาศัยได้กลายเป็นประเด็นสำคัญของการเลือกตั้งสหพันธรัฐปี 2022

พรรคการเมืองหลักทั้งสองพรรคต่างวางนโยบายที่มุ่งช่วยเหลือประชาชนให้ก้าวเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้ ด้วยเงินมัดจำหรือเงินดาวน์บ้านที่ต่ำกว่า

พรรคร่วม (Coalition) มีโครงการ New Home Guarantee Scheme หรือโครงการรับประกันบ้านใหม่ ซึ่งดำเนินการแล้วขณะนี้ หลังจากเปิดตัวในปี 2020

โครงการนี้มีโควตาให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน 50,000 สิทธิ์ต่อปี สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 125,000 ดอลลาร์สำหรับคนโสด หรือมีรายได้ไม่เกิน 200,000 ดอลลาร์สำหรับคู่ครองแต่ละคู่

ภายใต้โครงการนี้ ผู้ซื้อบ้านหลังแรกจะต้องจ่ายเงินมัดจำหรือเงินดาวน์บ้านเพียง 5 เปอร์เซ็นต์ของราคาบ้าน

รัฐบาลจะเป็นผู้รับประกันเงินกู้ เพื่อช่วยให้ผู้ซื้อบ้านไม่ต้องจ่าย Lenders Mortgage Insurance หรือค่าประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัยของผู้ให้กู้ ซึ่งคิดเป็นเงินราว 30,000 ดอลลาร์สำหรับบ้านราคา 700,000 ดอลลาร์
ด้านพรรคแรงงาน (Labor) มีแผนที่จะคงนโยบายนี้ไว้ และจะจัดให้มีโครงการช่วยเหลือโครงการที่สองเพิ่มเข้ามา โดยจะใช้ชื่อว่า โครงการ “Help to Buy” หรือโครงการ "ช่วยซื้อ"

โครงการนี้จะมีโควตาให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน 10,000 สิทธิ์ต่อปีสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อยกว่า 90,000 ดอลลาร์สำหรับคนโสด และมีรายได้ไม่เกิน 120,000 ดอลลาร์สำหรับคู่ครองแต่ละคู่

โดยผู้ซื้อบ้านจะจ่ายเงินมัดจำหรือเงินดาวน์บ้าน 2 เปอร์เซ็นต์ของราคาบ้าน

ผู้ซื้อไม่ต้องจ่าย Lenders Mortgage Insurance หรือ ค่าประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัยของผู้ให้กู้ เนื่องจากภายใต้โครงการนี้ รัฐบาลจะมีสัดส่วนการถือหุ้น 30-40 เปอร์เซ็นต์ในอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อ

ผู้ซื้อจะมีจำนวนเงินที่กู้เพื่อซื้อบ้านเป็นจำนวนที่ต่ำกว่าและจ่ายดอกเบี้ยต่ำกว่า เนื่องจากพวกเขากู้เงินจากธนาคารเป็นจำนวนที่น้อยกว่า

“โครงการของพรรคร่วมนั้นใหญ่กว่าในแง่ของจำนวนสิทธิ์ ส่วนโครงการของพรรคแรงงานมีขนาดเล็กกว่าในแง่ของจำนวนสิทธิ์ คือจำกัดแค่ 10,000 ครัวเรือนเท่านั้น แต่ให้สิทธิประโยชน์ที่มากกว่าสำหรับผู้โชคดีพอที่ได้เข้าร่วมโครงการ” รองศาสตราจารย์ เบ็น ฟิลลิปส์ นักเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย หรือเอเอ็นยู กล่าว
เขากล่าวว่า ไม่มีพรรคใดให้สิทธิ์แก่ประชาชนจำนวนมากพอที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงได้

โดยรวมแล้ว มีความช่วยเหลือให้เพียง 60,000 สิทธิ์ แต่มีผู้เช่าที่อยู่อาศัยมากกว่า 3 ล้านคนในออสเตรเลีย

“ผมคิดว่าความจริงแล้วมันเป็นช่วยเหลือที่ชายขอบของสถานการณ์ ดังนั้นจึงน่าจะมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยของประชาชนในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผู้ที่โชคดีพอที่ได้เข้าร่วมโครงการ แต่คนส่วนใหญ่จะไม่โชคดีพอที่จะได้เข้าร่วมโครงการ หรือไม่ก็โครงการไม่เหมาะสมกับพวกเขา” รศ.ฟิลลิปส์ กล่าว

ในด้านกลับกันคือ จากจำนวนสิทธิ์ที่จะให้แก่ประชาชนจำนวนไม่มากนัก จึงทำให้นโยบายของทั้งสองพรรคไม่น่าจะผลักดันให้บ้านมีราคาสูงขึ้น

“อาจมีแรงกดดันให้สูงขึ้น แต่มีแนวโน้มว่าจะค่อนข้างน้อย มันเป็นโครงการที่เล็กมาก ดังนั้นผมจึงคิดว่า มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาบ้านมากจนเกินไป” รศ.ฟิลลิปส์ คาดการณ์

นโยบายของพรรคแรงงานจะใช้เงินภาษี 329 ล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 4 ปี

แต่พรรคแรงงานโต้แย้งว่า จะได้เงินเหล่านั้นบางส่วนกลับมา เนื่องจากรัฐบาลจะได้ส่วนแบ่งกำไรเมื่อมีการขายบ้าน

แต่นโยบายของพรรคร่วมถูกระบุอยู่ในร่างงบประมาณแผ่นดินที่จำนวนงบประมาณ 8.6 ล้านดอลลาร์ โดยจำกัดอยู่เฉพาะค่าบริหารจัดการโครงการ
ทั้งนโยบายของพรรคแรงงานและพรรคลิเบอรัลมุ่งเป้าไปที่ การทำให้ประชาชนเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้มากขึ้นและการนำผู้ซื้อเข้าสู่ตลาดด้วยเงินดาวน์บ้านที่ต่ำกว่า แทนที่จะเป็นเรื่องราคาที่อยู่อาศัยที่ประชาชนเอื้อมถึง

ทั้งสองพรรคไม่ได้พยายามที่จะทำให้บ้านมีราคาต่ำลง เนื่องจากนั่นจะส่งผลกระทบต่อชาวออสเตรเลีย 2 ใน 3 ที่มีบ้านเป็นของตัวเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

“ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้นซึ่งอาจเป็นวิธีหนึ่งในการลดราคาบ้าน ซึ่งดีสำหรับบางคนที่มีเงินมัดจำในจำนวนที่เหมาะสมอยู่แล้ว แต่สำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย นี่ค่อนข้างท้าทายในแง่ของจำนวนเงินที่ต้องชำระคืนที่สูงขึ้น” รศ.ฟิลลิปส์ กล่าว

สำหรับผู้เช่าที่อยู่อาศัยเป็นระยะยาว พรรคกรีนส์ (Greens) มีนโยบายที่จะสร้างที่อยู่อาศัยสาธารณะ 125,000 แห่ง โดยจะจำกัดค่าเช่าให้ไม่เกินร้อยละ 25 ของรายได้ของผู้เช่า

สำหรับ คุณแอมริตา นายาค นั้น การมีบ้านอยู่อาศัยที่มั่นคง จะเป็นประเด็นสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งเมื่อเธอพิจารณาว่าจะลงคะแนนเสียงของเธอให้ใครหรือพรรคใด

“นโยบายด้านที่อยู่อาศัยจะเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญอันดับต้นๆ กล่าวคือ คงเป็นหนึ่งในสามลำดับแรก” คุณนายาค ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งผู้นี้ กล่าว


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 



Share