ห่วงสาวเอเชียลำบากหนักเมื่อสามีสูงอายุตายในออสเตรเลีย

กลุ่มพิทักษ์สิทธิทางกฎหมายในออสเตรเลียต่างกล่าวว่า มีผู้หญิงจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ส่วนใหญ่มาจากประเทศในเอเชีย ซึ่งแต่งงานกับชายชาวออสเตรเลียสูงอายุ แต่ไม่มีชื่อในพินัยกรรมของสามี

Migrant women are being left out of their older husbands' wills.

Migrant women are being left out of their older husbands' wills. Source: Getty

มีความเป็นห่วงว่า มีผู้หญิงชาวเอเชียจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ย้ายมาอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย โดยแต่งงานกับชายที่อายุห่างจากตนมาก ซึ่งผู้หญิงเหล่านี้ไม่น้อยกำลังประสบความยากลำบากหลังสามีของพวกเธอเสียชีวิต

ทนายความในรัฐวิกตอเรียหลายคน กล่าวว่า พวกเขาได้เป็นตัวแทนทางกฎหมายให้แก่หญิงผู้อพยพย้ายถิ่นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ไม่มีชื่อในพินัยกรรมของสามีของพวกเธอ

คุณแอนดรูว์ เมลิวนาส ทนายความด้านกรณีพิพาทเกี่ยวกับพินัยกรรมของบริษัทเมาริส แบล็กเบิร์น (Maurice Blackburn) กล่าวว่า ในกรณีที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ ผู้หญิงเหล่านั้นย้ายมาอยู่ในออสเตรเลียหลังจากได้พบกับสามีของพวกเธอออนไลน์ และชายสูงอายุเหล่านั้นจำนวนมากมีอดีตคู่ครองและมีบุตรจากการแต่งงานครั้งก่อนๆ จึงนำไปสู่ข้อพิพาทเกี่ยวกับพินัยกรรม

“ผู้หญิงเหล่านั้นไม่มีทรัพยากรด้านการเงินหนุนหลังพวกเธอ มันไม่ใช่ว่าพวกเธอมีทรัพย์สินมั่งคั่งจากจีน เวียดนาม หรือฟิลิปปินส์” คุณเมลิวนาส กล่าว

“พวกเธอมักเดินทางมาที่นี่เพื่อชีวิตที่ดีกว่า ดังนั้นในความสัมพันธ์ของพวกเธอ จึงมีความไม่สมดุลของอำนาจอย่างแท้จริง” คุณเมลิวนาส กล่าว
ผู้หญิงเหล่านี้มักกระทำหน้าที่ที่ถูกคาดหวัง เช่น การทำอาหาร ทำความสะอาดบ้าน และไปจ่ายตลาดสำหรับครอบครัว

“มะเร็งดูเหมือนจะเป็นสาเหตุที่พบได้ทั่วไป (สำหรับการเสียชีวิตของสามีของพวกเธอ) ดังนั้น หญิงเหล่านี้จึงรับบทบาทเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยไปพร้อมกัน” คุณเมลิวนาส กล่าว

แต่เมื่อสามีของพวกเธอเสียชีวิตลง ผู้หญิงเหล่านี้ต้องประสบความเดือดร้อน โดยได้รับความช่วยเหลือน้อยมากในออสเตรเลีย และภรรยาบางคนยังอาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยวในพื้นที่ห่างไกล

“พวกเธอยังไม่มีโอกาสพบปะสังสรรค์กับผู้คนชาติเดียวกัน”

อุปสรรคทางภาษาและการขาดความเข้าใจในระบบกฎหมายของออสเตรเลียและไม่รู้สิทธิของตนในฐานะภรรยา อาจนำไปสู่ความล่าช้าในการขอรับความช่วยเหลือได้

“มีข้อจำกัดด้านเวลาในการขอโต้แย้งพินัยกรรม และโชคร้ายที่หลายครั้งมันสายไปแล้ว” คุณเมลิวนาส กล่าว

‘เคว้งคว้างและโดดเดี่ยว’

ศูนย์บริการกฎหมายสปริงเวลโมนาช ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีชุมชนหลากวัฒนธรรมอาศัยอยู่มากมายทางตะวันออกเฉียงใต้ของในเมลเบิร์น ได้จัดการอบรมให้ความรู้ทางกฎหมายให้แก่ชุมชนเกี่ยวกับพินัยกรรม

คุณแอชลีห์ นิวน์แฮม ผู้จัดการด้านยุทธศาสตร์และการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า ใครก็ตามที่คู่ครองเสียชีวิตควรขอความช่วยเหลือด้านกฎหมาย

“เช่นว่า คุณถือวีซ่าคุ้มครองชั่วคราวและคู่ครองเสียชีวิต คุณจะมีสิทธิได้รับเงินเก็บหลังเกษียณของคุณหรือไม่ ทำนองนั้น ดังนั้น จึงสำคัญมากที่คุณจะต้องได้รับคำแนะนำทางกฎหมายเกี่ยวกับสถานการณ์เฉพาะของคุณ”

เธอเล่าถึงผู้หญิงคนหนึ่งจากประเทศปากีสถาน ที่มีบุตรเกิดในออสเตรเลียหนึ่งคน แต่เมื่อสามีเสียชีวิตลง เธอก็ถูกทิ้งให้รู้สึกเคว้งคว้างและโดดเดี่ยว

“เธอประสบความยากลำบากในการเข้าถึงมรดกของสามี เขาไม่มีพินัยกรรม และฉันคิดว่าครอบครัวของเขาก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเธอเลย” คุณนิวน์แฮม กล่าว

“พวกเขาทำให้มันยากลำบากสำหรับเธอที่จะรู้ว่าตนเองมีสิทธิอะไร ดังนั้น จึงสำคัญอย่างยิ่งที่เธอต้องได้รับการแนะนำไปยังบริการ ที่สามารถเชื่อมโยงเธอให้แก่บริการทางกฎหมายได้ เพื่อเธอจะได้รู้ว่าเธอมีสิทธิอะไรบ้าง”
ในการกรณีของหญิงผู้นี้ คุณนิวน์แฮมเล่าว่า เธอถือวีซ่าชั่วคราว 5 ปี และใช้รถยนต์ของสามี ขณะที่เธอถูกปรับและต้องแสดงใบมรณะบัตรของสามีเพื่อพิสูจน์สถานการณ์ของตน

คุณนิวน์แฮม จึงแนะนำให้ผู้หญิงที่อยู่กับคู่ครองในออสเตรเลีย ต้องตรวจสอบรายละเอียดวีซ่าและเงื่อนไขในวีซ่าของตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ

“เรารู้ว่ามีผู้หญิงจำนวนมากที่มายังออสเตรเลียด้วยวีซ่า ที่พวกเธออาจคิดว่าเป็นวีซ่าคู่ครอง แต่ความจริงแล้วอาจเป็นเพียงวีซ่าท่องเที่ยว”

“เพราะวีซ่าคู่ครองนั้นแพงมาก และมักมีความเปราะบางสำหรับผู้หญิงที่เดินทางมาอยู่ในออสเตรเลียและพูดภาษาอังกฤษได้จำกัด บ่อยครั้ง ก็มีช่องว่างทางอายุระหว่างพวกเธอและคู่ครอง” คุณนิวน์แฮม กล่าว

ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย

ในสถานการณ์ที่พินัยกรรมของสามีไม่ได้ทิ้งทรัพย์สินให้แก่ภรรยาอย่างพอเพียง บ้านที่ทั้งคู่เคยอาศัยอยู่ด้วยกันอาจต้องถูกขายเพื่อหาเงินมาจ่ายหนี้สิน

“นี่อาจเป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจอย่างมากให้แก่พวกเธอ (ภรรยา) เมื่อโดยมากแล้วลูกคนหนึ่งจากการแต่งงานครั้งก่อนของสามีเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งหันมาบอกเธอว่า ‘ฉันขอแจ้งให้คุณรู้ว่าคุณมีเวลา 3 เดือน เราวางแผนจะขายบ้านของพ่อและคุณจำเป็นต้องย้ายออกไป’” คุณเมลิวนาส กล่าว

ทนายความด้านกรณีพิพาทเกี่ยวกับพินัยกรรมของบริษัทเมาริส แบล็กเบิร์น (Maurice Blackburn) ผู้นี้กล่าวว่า ผู้หญิงเหล่านี้ที่มีภูมิหลังจากชุมชนหลากภาษาและวัฒนธรรม มักไม่มีประวัติการเช่าบ้านในออสเตรเลีย ซึ่งอาจเป็นปัญหา

“บ่อยครั้งผู้หญิงเหล่านี้ไม่เคยทำงานในออสเตรเลีย พวกเธอไม่มีรายได้ ภาษาก็ไม่ดี ดังนั้น เมื่อพวกเธอไปหาเรียลเอสสเตทเอเจนต์ที่ดูแลที่พักให้เช่า แล้วบอกว่าพวกเธอกำลังมองหาห้องเช่า พวกเธอจะเป็นตัวเลือกที่ไม่น่าดึงดูดใจเลยสำหรับเจ้าของบ้านเช่า”

คุณเมลิวนาส กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม ศาลมักให้ความสำคัญอันดับแรกและให้การปกป้องแก่คู่ครอง เพื่อให้พวกเธอมีที่อยู่อาศัย

แต่เขาขอให้มีการพูดคุยกันอย่างเปิดอกระหว่างภรรยาและสามี เพื่อป้องกันการพิพาทเรื่องทรัพย์สินหลังการเสียชีวิต

Image

“ควรจะมีเงินทุนสักก้อนที่จะสามารถสร้างรายได้เล็กน้อยให้แก่ผู้หญิงเหล่านี้” คุณเมลิวนาส กล่าว

“สิ่งสำคัญที่สุดคือหลังคาคุ้มศีรษะสำหรับพวกเธอ และจากนั้นควรมีทรัพยากรทางการเงินเล็กน้อย เพื่อสนับสนุนพวกเธอให้สามารถยังชีพได้”

คุณสามารถอ่านข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นภาษาไทยได้

ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ 

Share
Published 6 July 2020 2:31pm
Updated 6 July 2020 4:02pm
By Stephanie Corsetti
Presented by Parisuth Sodsai


Share this with family and friends