สิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับ BA.2 เชื้อสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวว่า การติดเชื้อสายพันธุ์ย่อย BA.2 กำลังเพิ่มขึ้นทั่วประเทศออสเตรเลีย และเชื้อนี้อาจกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดแทนสายพันธุ์โอมิครอนตั้งเดิม นี่คือสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้

The Omicron BA.2 COVID-19 variant is a subvariant of BA.1.

Source: SBS

ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีกครั้งในหลายพื้นที่ของออสเตรเลีย สาธารณสุขต่างๆ กล่าวว่า เชื้อ BA.2 ซึ่งเป็นเชื้อสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน (Omicron) นั้นเพิ่มขึ้น และอาจกลายเป็นเชื้อหลักที่แพร่ระบาดในชุมชน

นิวเซาท์เวลส์มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 20,050 รายในวันศุกร์วันนี้ (18 มี.ค.)

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้เกิดจากการผ่อนคลายมาตรการด้านสาธารณสุขและการแพร่ระบาดของเชื้อ BA.2 ซึ่งเป็นเชื้อสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน

นาย แบร็ด ฮาซซาร์ด รัฐมนตรีสาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวในการให้ข้อมูลเพื่อการประเมินงบประมาณในวันพฤหัสบดี ที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมาว่า ข้อมูลเบื้องต้นจากแบบจำลองสถานการณ์ของมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ชี้ให้เห็นว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่อาจ "เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว" ภายใน 4-6 สัปดาห์ข้างหน้า

เป็นเรื่องที่เรากังวลใจอย่างมาก ที่เราเห็นผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทุกวัน” นาย แบร็ด ฮาซซาร์ด กล่าว

“ในขณะที่ชุมชนหลับใหลไม่ใส่ใจกับไวรัสแล้ว แต่ไวรัสก็ไม่ได้หลับใหลในชุมชน”

นี่คือสิ่งที่เรารู้จนถึงขณะนี้เกี่ยวกับ BA.2

NSW Health Minister Brad Hazzard
NSW Health Minister Brad Hazzard. Source: AAP

BA.2 คืออะไร?

เชื้อสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ในปัจจุบันเป็นเชื้อไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 สายพันธุ์หลักที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก

องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า โอมิครอนประกอบด้วยสายพันธุ์ย่อยหลายตัว ซึ่งแต่ละตัวกำลังถูกจับตาดู โดยเชื้อสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอนที่พบบ่อยที่สุดคือ BA.1, BA.1.1 และ BA.2 — ร่วมกับ BA.3

"BA.3 ค่อนข้างพบได้ยาก ดังนั้นเราจึงไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับมันมากนัก BA.1 เป็นเชื้อดั้งเดิมของสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเป็นเชื้อหลักที่ระบาดทั่วโลก" ศาสตราจารย์ เอเดรียน เอสเทอร์แมน นักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัยเซาท์ออสเตรเลีย กล่าว

"แต่ตอนนี้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับ BA.2 ซึ่งเป็นเชื้อสายพันธุ์ย่อย หรือเป็นน้องสาวของ BA.1"
BA.2 ซึ่งเป็นเชื้อสายพันธุ์ย่อย หรือเป็นน้องสาวของ BA.1
BA.2 ถูกตรวจพบครั้งแรกในฟิลิปปินส์เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว และภายในเดือนกุมภาพันธ์ เชื้อนี้ก็ถูกตรวจพบใน 57 ประเทศ WHO ระบุในขณะนั้น

ศ.เอสเทอร์แมน กล่าวว่า เชื้อสายพันธุ์ย่อย BA.2 พบได้ราว 1 ใน 4 ของการติดเชื้อที่พบขณะนี้ในออสเตรเลีย

“ในเดนมาร์ก เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมดตอนนี้เป็นเชื้อ BA.2 ในออสเตรเลีย มีราว 25 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อสองสัปดาห์ก่อนมีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์” ศ.เอสเทอร์แมน กล่าว

"ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า มันกลายจะเป็น 100 เปอร์เซ็นต์"

ในแถลงการณ์ล่าสุด WHO กล่าวว่า "เชื้อสายพันธุ์ย่อย BA.2 ควรถูกจัดว่าเป็นเชื้อสายพันธุ์ที่น่ากังวลและควรถูกจัดว่าเป็นเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนต่อไป"
Photo Illustration Of Omicron variant
การติดเชื้อสายพันธุ์ย่อย BA.2 กำลังเพิ่มขึ้นทั่วทุกรัฐและมณฑลในออสเตรเลีย Source: AAP

เรารู้อะไรเกี่ยวกับ BA.2 บ้าง?

องค์การอนามัยโลกระบุว่า BA.2 มีลำดับพันธุกรรมที่แตกต่างจาก BA.1 ซึ่งรวมถึงความแตกต่างของกรดอะมิโนบางตัวในโปรตีนหนามและโปรตีนอื่นๆ ของเชื้อ

"อย่างแรกเลยคือ มันแพร่กระจายได้ง่ายอย่างเหลือเชื่อและกำลังมาแทนที่ BA.1” ศ.เอสเทอร์แมน กล่าว
มันแพร่กระจายได้ง่ายอย่างเหลือเชื่อและกำลังมาแทนที่ BA.1
WHO มีความเห็นเช่นเดียวกันในประเด็นนี้ โดยระบุว่าข้อมูลเบื้องต้นบ่งชี้ว่า BA.2 สามารถแพร่กระจายได้ดีกว่า BA.1 ซึ่งยังคงเป็นเชื้อสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอนที่พบบ่อยที่สุด

แต่ศ.เอสเทอร์แมนกล่าวว่า ดูเหมือนว่า BA.2 จะไม่รุนแรงไปกว่า BA.1 เมื่อพูดถึงการก่อให้เกิดโรค

"เราเห็นอัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและในห้องดูแลผู้ป่วยวิกฤต (ICU) ที่ใกล้เคียงกันมากสำหรับทั้ง BA.1 และ BA.2" ศ.เอสเทอร์แมน กล่าว

"และเรารู้ว่า มันมีความสามารถในการหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันเช่นเดียวกับ BA.1 คุณจึงสามารถมองว่ามันเหมือนกันกับ BA.1 เลย แต่สามารถแพร่ระบาดได้มากกว่า"

ด้าน พญ.ซอนยา เบนเนตต์ รองประธานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า การติดเชื้อสายพันธุ์ย่อย BA.2 กำลังเพิ่มขึ้นทั่วทุกรัฐ ซึ่ง “เป็นไปตามคาดการณ์”

"เราเคยเห็นสถานการณ์นี้ในระดับสากล เรารู้ว่ามันสามารถแพร่ระบาดได้มากกว่า ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงแซงหน้าเชื้อสายพันธุ์ย่อย BA.1 ของโอมิครอน" พญ.ซอนยา เบนเนตต์ กล่าว

"แต่ดูเหมือนว่ามันไม่ส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยที่รุนแรงมากขึ้น และวัคซีนก็ดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพในการต้านทานเชื้อสายพันธุ์ย่อย BA.2 ของโอมิครอน เช่นเดียวกับ BA.1"
มันไม่ส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยที่รุนแรงมากขึ้น และวัคซีนก็ดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพในการต้านทานเชื้อ
A woman receives a COVID-19 vaccine at a pop-up vaccination clinic at the National Centre of Indigenous Excellence in Redfern, Sydney, Saturday, on 4 September, 2021.
A woman receives a COVID-19 vaccine at a pop-up vaccination clinic in Sydney. Source: AAP / Dan Himbrechts

วัคซีนมีประสิทธิภาพต้านเชื้อนี้ได้หรือไม่?

ศ.เอสเทอร์แมนกล่าวว่า BA.2 มีความคล้ายคลึงกับ BA.1 ในทุกด้านในเรื่องภูมิคุ้มกัน ซึ่งรวมถึงการปกป้องจากวัคซีน

“สิ่งที่เรารู้ก็คือวัคซีนสองโดสแทบไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อโอมิครอนได้ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อสายพันธุ์ย่อย BA.1 หรือ BA.2” ศ.เอสเทอร์แมน กล่าว

"แต่การฉีดวัคซีนโดสที่สามช่วยป้องกันการติดเชื้อได้
วัคซีนโดสที่สามช่วยป้องกันการติดเชื้อได้
"ตอนนี้เรากำลังเห็นเช่นกันว่าสำหรับวัคซีนเข็มที่สามเราก็เริ่มมีภูมิคุ้มกันที่ลดลง และมีข้อมูลจากอิสราเอลที่แสดงให้เห็นว่าแม้หลังจากได้รับเข็มที่สี่แล้ว คุณจะมีภูมิคุ้มกันที่ลดลง"

เขากล่าวว่าประชากรที่ฉีดวัคซีนยังคง "ได้รับการปกป้องอย่างดี" ไม่ให้เกิดการเจ็บป่วยที่รุนแรง ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมการรักษาตัวในโรงพยาบาลจึงไม่เพิ่มขึ้น

แต่การป้องกันการติดเชื้อยังคงเป็นปัญหาสำหรับกลุ่มเสี่ยงและผู้สูงอายุ

เจ้าหน้าที่กำลังเรียกร้องให้ชาวออสเตรเลียออกมารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (booster shots) โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น พร้อมกับมีไข้หวัดใหญ่แพร่ระบาด

"วัคซีน 2 เข็มไม่มีประสิทธิภาพดีเท่ากับ 3 เข็มสำหรับเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ดังนั้นหลักฐานจึงชัดเจนมากว่าวัคซีนโควิดเข็มที่ 3 เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อยกระดับการป้องกันของคุณจากการป่วยเป็นโรคร้ายแรงได้อย่างแท้จริง รวมทั้งการติดเชื้อด้วยสำหรับโอมิครอน" พญ.เบนเน็ตต์ กล่าว

นายเกร็ก ฮันต์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของสหพันธรัฐ กล่าวว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือบูสเตอร์ช็อตมีความสำคัญในการปกป้องตนเอง “แม้ว่าคุณจะเคยติดเชื้อโอมิครอนแล้วก็ตาม"

“ยังไม่จบ และจะมีเชื้อสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะมีเชื้อโควิดแพร่กระจายอยู่ในระดับหนึ่งภายในชุมชนจากนี้ไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” นายฮันต์กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (11 มี.ค.)
Senior woman feeling proud after getting covid-19 vaccine
เจ้าหน้าที่กำลังเรียกร้องให้ชาวออสเตรเลียออกมารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น พร้อมกับมีไข้หวัดใหญ่แพร่ระบาด Source: Getty Images / Digital Vision / Luis Alvarez

เราควรกังวลไหม?

ในขณะที่ทางการกล่าวว่า การแพร่ระบาดของเชื้อ BA.2 ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องนั้นเป็นไปตามคาด แต่ ศาสตราจารย์เอสเทอร์แมนเชื่อว่า ระดับความกังวลในออสเตรเลียควรมี "มากกว่า" ในปัจจุบัน

“ผู้คนรู้สึกเอือมระอาเต็มทนกับโควิด-19 ซึ่งผมไม่โทษพวกเขา และจากท่าทีของรัฐบาลรัฐและมณฑลต่างๆ ทั้งหมดนั้น มันจบแล้ว” ศ.เอสเทอร์แมน กล่าว

"แต่ปัญหาคือเชื้อไวรัสมันไม่รู้หรอก มันยังคงอยู่ที่นั่น และแพร่เชื้อสู่คนต่อไปอย่างมีความสุข"
เชื้อไวรัสยังคงอยู่และแพร่เชื้อสู่คนต่อไปอย่างมีความสุข
"จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่นั้นมีความสำคัญ และเราควรกังวลเกี่ยวกับ BA.2"

เขากล่าวว่ารัฐบาลต่างๆ ควร "ระมัดระวังมากขึ้น" ในการยกเลิกมาตรการด้านสาธารณสุขที่มี

“ผมไม่ได้บอกว่าอย่ายกเลิก ผมกำลังบอกว่าเราควรระมัดระวังมากกว่านี้ในเรื่องนี้ และเต็มใจที่จะนำมาตรการเหล่านี้กลับมาใช้โดยเร็ว หากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มพุ่งสูง”

ในระหว่างนี้ เขาสนับสนุนให้ผู้ที่มีความเปราะบางหรือคนผู้สูงอายุในชุมชนสวมหน้ากากอนามัยและใช้ความระมัดระวังต่อไป

"เราสามารถยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ ได้ แต่เรายังคงต้องปกป้องผู้ที่มีความเปราะบาง"


คุณสามารถอ่านข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นภาษาไทยได้

ติดต่อสอบถามบริการสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1800 020 080

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share
Published 18 March 2022 3:05pm
Updated 18 March 2022 4:31pm
Presented by Parisuth Sodsai

Share this with family and friends