WHO กล่าวจุดจบของโควิดระบาด ‘อยู่ไม่ไกล’ แต่นี่คือสาเหตุว่าทำไมถึงไม่อาจฟันธงได้

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของออสเตรเลีย มีความเห็นที่คละกันเกี่ยวกับว่า โควิด-19 ใกล้จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นหรือยัง

An African man in a suit and glasses on a background of coronavirus spike proteins

ดร.เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ทั่วโลกกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง Source: SBS

องค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งได้ประกาศให้การระบาดใหญ่ของโควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในวันที่ 30 มกราคม 2020 กำลังกล่าวว่า การสิ้นสุดของการระบาดใหญ่ครั้งนี้อยู่ไม่ไกลแล้ว

นี่เป็นการประเมินในแง่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก โดย ดร.เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง

“เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่รายงานรายสัปดาห์นั้นต่ำที่สุดนับตั้งแต่มีนาคม 2020” ดร.เกเบรเยซุส กล่าวในการแถลงข่าวล่าสุดของ WHO

“เราไม่เคยอยู่ในสถานะที่ดีไปกว่านี้ในการยุติการแพร่ระบาดของโควิด-19 เรายังไม่ถึงจุดนั้นในตอนนี้ แต่เราก็เริ่มมองเห็นจุดจบของมันแล้ว”
A graph showing a global drop in the weekly COVID-19 case numbers.
WHO chief Tedros Adhanom Ghebreyesus says the newly reported COVID-19 cases last week fell to the lowest level since March 2020. Source: SBS
แต่ ดร.เทดรอส ยืนยันว่าโลกยังคงอยู่ในภาวะ "ฉุกเฉินเฉียบพลันทั่วโลก" และจำเป็นต้องมีการดำเนินการร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถบรรลุการสิ้นสุดของการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้

ในการแถลงสรุปนโยบายหลัก เขากล่าวว่า WHO ได้กำหนดมาตรการต่างๆ โดยยึดตามประสบการณ์ในช่วง 32 เดือนที่ผ่านมา ได้แก่ "การช่วยรักษาชีวิตผู้คน ปกป้องระบบสุขภาพ และหลีกเลี่ยงการหยุดชะงักทางสังคมและเศรษฐกิจ"

“นโยบายสรุปเหล่านี้เป็นการเรียกร้องอย่างเร่งด่วนให้รัฐบาลที่ต่างๆ พิจารณานโยบายของพวกเขาอย่างจริงจัง และเสริมสร้างนโยบายเหล่านั้นให้ความแข็งแกร่งเพื่อรับมือกับโควิด -19 และเชื้อโรคอื่นๆ ที่มีศักยภาพในการแพร่ระบาดในอนาคต”

เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่อุบัติขึ้นในประเทศจีนเมื่อปลายปี 2019 ได้คร่าชีวิตผู้คนไปเกือบ 6.5 ล้านคน และทำให้มีผู้ติดเชื้อ 606 ล้านคน ตามสถิติอย่างเป็นทางการ

สถิติล่าสุดด้านระบาดวิทยาประจำสัปดาห์ของ WHO ประจำวันพุธ (14 ก.ย.) รายงานผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ระหว่างวันที่ 5-11 กันยายน จำนวน 11,000 ราย ลดลงร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน

สถานการณ์เริ่มมีความหวัง เมื่อไวรัสเปลี่ยนไปสู่ 'ระยะการเป็นโรคประจำถิ่น'

ศ.ไนเจล แมกมิลแลน ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อที่มหาวิทยาลัยกริฟฟิธ ของรัฐควีนส์แลนด์กล่าวว่า เขาเห็นว่า ไวรัสกำลังเข้าสู่ระยะ "การเป็นโรคประจำถิ่น"

“ในขณะที่เชื้อไวรัสนี้ยังไม่หายไปไหน มันยังคงอยู่ และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่เราเรียกมันว่าโรคประจำถิ่น คือมันไม่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วเหมือนเมื่อก่อน”

เขาเชื่อว่า นั่นมาจากภูมิคุ้มกันที่เพิ่มขึ้นในชุมชนจากการฉีดวัคซีนและอัตราการติดเชื้อซ้ำ

ศ.แมกมิลแลน กล่าวว่า เขาเห็นด้วยกับการมองสถานการณ์ในแง่ดีของดร.เทดรอส เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเห็นจุดสิ้นสุดของการระบาดใหญ่ของโควิด-19

“ผมอาจสะท้อนเรื่องนี้ว่าเหมือนกับไวรัสไข้หวัดใหญ่มากกว่า ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่คนส่วนใหญ่สามารถเข้าใจได้ แน่นอนว่าตอนนี้สถิติต่ำลงจากคลื่นการระบาดสามระลอกที่เกิดขึ้นในปีนี้ และมีตัวเลขที่ต่ำลงสำหรับสถิติเฉลี่ยต่างๆ แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะสูงอยู่ แต่แน่นอนว่าเรากำลังเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน และโดยพื้นฐานแล้ว นี่คือไวรัสในระบบทางเดินหายใจที่พบมากช่วงฤดูหนาว ดังนั้น เราจึงคาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลง" ศ.แมกมิลแลน กล่าว

“และตอนนี้เราเริ่มมองที่ระยะสุดท้ายไปสู่ระยะการเป็นโรคประจำถิ่น สิ่งที่เราต้องการจับตามองเป็นส่วนใหญ่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในซีกโลกเหนือ ในช่วงฤดูหนาวของที่นั่น แต่เป็นช่วงฤดูร้อนของเรา และเราจะมีเชื้อสายพันธุ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นหรือไม่ นั่นคือสิ่งหนึ่งที่เราจะต้องเตรียมรับมือ"

ในการประชุมคณะผู้นำรัฐและมณฑลต่างๆ กับนายกรัฐมนตรีเมื่อวันพุธ รัฐบาลสหพันธรัฐได้ตัดสินใจยืดระยะเวลาต่อไปอย่างไม่มีกำหนดสำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ขาดรายได้ช่วงกักตัวเพราะติดโควิด (Pandemic Leave Payments)

ศ.แมกมิลแลน กล่าวว่า ผู้กำหนดนโยบายสาธารณะจำเป็นต้องพร้อมที่จะปรับนโยบายในกรณีที่มีเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ที่แข็งแกร่งขึ้น

"หากมีการระบาดของโควิดระลอกใหม่เกิดขึ้น เราจะต้องนำนโยบายกลับมาเพื่อลดการระบาดของเชื้อสายพันธุ์ใหม่ต่างๆ ผมคิดว่าผู้คนเข้าใจดีว่านั่นคือระยะที่เราอยู่ในขณะนี้ ในหลายปีต่อๆ มา เราจะเห็นเชื้อไวรัสนี้เข้าสู่ระยะเป็นโรคประจำถิ่น เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ เราจะเห็นช่วงที่มีผู้ติดเชื้อพุ่งสูงและช่วงที่หายไป” ศ.แมกมิลแลน กล่าว

ระดับการระบาดของออสเตรเลียยังคงน่าวิตก

ศาสตราจารย์เบรนแดน แครบบ์ นักวิจัยโรคติดเชื้อที่สถาบันเบอร์เนตในเมลเบิร์น กล่าวว่า คงเป็นการเข้าใจผิดที่คิดว่าการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในออสเตรเลียใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว เมื่อพิจารณาถึงระดับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง

“จากมุมมองของออสเตรเลียแล้ว นี่เป็นปีที่เลวร้ายที่สุดที่เราเคยมีมา มีผู้เสียชีวิตจากโควิด 12,000 รายในปีนี้” ศ.แครบบ์ กล่าว

“เรามีผู้เสียชีวิตราว 2,000 คนในช่วงสองปีที่ผ่านมา เรามีผู้ติดเชื้อ 10 ล้านคนในออสเตรเลีย นี่แค่เพียงช่วง 8 หรือ 9 เดือนของปีนี้เท่านั้น”

ศ.แครบบ์ กล่าวว่า ความไม่เท่าเทียมกันในการเข้าถึงวัคซีนในประเทศต่าง ๆ จึงหมายความว่า ยังคงมีความเสี่ยงจากโควิด-19 อยู่

“ถ้าเราจะยุติการระบาดใหญ่ครั้งนี้ การฉีดวัคซีนด้วยวัคซีนที่มีอยู่นี้และวัคซีนตัวใหม่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง น่าเสียดายที่ขณะนี้ เราอยู่ในสถานการณ์ที่ผู้คนกว่าสองพันล้านคนทั่วโลกไม่ได้รับวัคซีนเลยแม้แต่เข็มเดียว"

A map showing the cumulative number of COVID-19 cases in countries around the world as of 12 September 2022.
A map shows the cumulative number of COVID-19 cases (per capita) in countries around the world as of 12 September 2022. Credit: Our World in Data

'ยังคงฟันธงไม่ได้เกี่ยวกับจุดจบ'

ในเดือนตุลาคม จะมีการประชุมผู้เชี่ยวชาญครั้งต่อไปของ WHO เพื่อตัดสินใจว่า การระบาดใหญ่ของโควิดยังคงเป็นเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุขที่เป็นความกังวลระดับนานาชาติหรือไม่

ศ.โรเบิร์ต คัมมิง ศาสตราจารย์กิตติคุณด้านระบาดวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยซิดนีย์ กล่าวว่า ยังคงไม่ชัดเจนเกี่ยวกับจุดจบของการระบาดใหญ่ของโควิด-19

ส่วนหนึ่งของปริศนาคือ จะมีจุดจบที่แตกต่างกันสำหรับการระบาดใหญ่นั่นคือ ในทางการแพทย์และทางสังคม

“ผมคิดว่าสิ่งสำคัญคือ เรามองการระบาดใหญ่อย่างไร มีมุมมองเชิงระบาดวิทยาที่เป็นตัวเลขล้วนๆ ซึ่งก็คือจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ และเมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง ในที่สุดเราก็จะถึงจำนวนที่เราสามารถกล่าวได้ว่า การระบาดใหญ่สิ้นสุดลงในเชิงปริมาณ”

"แต่ที่จริงแล้ว ผมคิดว่ามีอะไรอีกมากที่เกี่ยวข้องกับการระบาดใหญ่ของโควิด-19 คือโรคนี้ส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างไร"

ศ.คัมมิง เพิ่งเดินทางกลับจากยุโรป โดยได้เดินทางไปยังประเทศไอซ์แลนด์และสหราชอาณาจักร ซึ่งเขากล่าวว่า ผู้คนที่นั่นปฏิบัติตัวเหมือนช่วงก่อนการระบาดใหญ่ของโควิด สำหรับเรื่องการเว้นระยะห่างจากผู้อื่นและการสวมหน้ากากอนามัย

“ผมเพิ่งไปต่างประเทศมาคือที่ยุโรป และในหลาย ๆ โลก จากมุมมองทางสังคมนั้น การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้สิ้นสุดลงแล้ว (ทางสังคม) ข้อกำหนดทางกฎหมายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับโควิดได้หายไปในหลายประเทศในยุโรป และผู้คนดำเนินชีวิตเหมือนที่เคยทำในปี 2019 ผมคิดว่าเรายังไปไม่ถึงจุดนั้นในออสเตรเลีย แต่ผมคิดว่าเรากำลังใกล้จะถึงแล้ว"

"ผมคิดว่าการระบาดใหญ่ ซึ่งผมใช้คำนี้สำหรับปรากฏการณ์ทางสังคมว่า มันจบลงแล้ว แต่โควิดยังคงอยู่ และมันจะเป็นโรคที่เราจำเป็นต้องรับมือตลอดกาล ด้วยวิธีทางการแพทย์และมาตรการทางสาธารณสุข"


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 


บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share
Published 16 September 2022 1:59pm
By Biwa Kwan
Presented by Parisuth Sodsai
Source: SBS


Share this with family and friends