ปี 2019 กำลังจะหมดลงไปในไม่ช้า แต่ยังคงมีเรื่องหนึ่งที่ยังหลอกหลอนลูกจ้างและธุรกิจต่าง ๆ ทั่วออสเตรเลีย นั่นคือการจ่ายค่าแรงน้อยกว่าที่พึงได้รับ ค่าทำงานล่วงเวลา และปัญหาการจ่ายเงินซูเปอร์
ต่อไปนี้คือรายชื่อบริษัทในออสเตรเลียบางส่วนที่ถูกพบว่าจ่ายค่าจ้างน้อยกว่าที่ลูกจ้างพึงได้รับในปีนี้
สถานีโทรทัศน์เอบีซี (ABC)
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา สถานีโทรทัศน์เอบีซียอมรับว่าอาจจ่ายค่าจ้างพนักงานแคชวล 2,500 คนน้อยกว่าที่พวกเขาควรได้รับ ในช่วงเวลา 6 ปีที่ผ่านมา
จากแถลงการณ์ถึงพนักงาน นางรีเบกกา โดนัลด์สัน (Rebekah Donaldson) หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลของเอบีซีกล่าวว่า อัตราค่าทำงานนอกเวลา ค่าตอบแทนต่าง ๆ และค่าจ้างเพิ่มพิเศษสำหรับพนักงานแคชวล เหล่านี้ที่พนักงานแคชวลพึงได้นั้นได้ถูกมองข้ามไป
โดยเรื่องนี้ถูกเปิดเผยหลังเอบีซียอมรับว่า ได้จ่ายค่าจ้างให้พนักงานแคชวลในนครบริสเบนน้อยไป $19,000 ดอลลาร์ เมื่อเดือนสิงหาคม 2018
แควนตัส (Qantas)
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แควนตัสออกมายอมรับว่า “ข้อผิดพลาด อย่างชัดเจนและไม่มีอะไรซับซ้อน” ทำให้พนักงาน 55 คนในบริษัทได้รับค่าจ้างน้อยกว่าที่พึงได้เฉลี่ยต่อคนราว $8,000 ดอลลาร์ ในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
แควนตัสกล่าวว่า พนักงานที่ได้รับค่าจ้างน้อยกว่าที่พึงได้ ส่วนมากมาจากแผนกการตลาดดิจิทัลและการวิเคราะห์ (Digital Marketing and Analytics Department) โดยพนักงานจากแผนกดังกล่าวได้รับการจ่ายเงินพร้อมดอกเบี้ยชดเชย และสินไหมกรุณา (Ex-gratia payment) คนละ $1,000 ดอลลาร์
ในเวลาเดียวกันนี้ แควนตัสยังได้ยอมรับอีกว่า ได้จ่ายค่าจ้างพนักงานประมาณ 165 คนมากเกินกว่าที่ลูกจ้างพึงได้รับเฉลี่ยราว $12,000 ดอลลาร์ต่อปี
กลุ่มซูเปอร์รีเทล (Super Retail Group)
เครือบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของกิจการในเครืออย่างร้านเสื้อผ้ากีฬา Rebel Sport ร้านอุปกรณ์ยานยนต์ Supercheap Auto ร้านอุปกรณ์เดินป่าและตั้งแคมป์ BCF และอีกมากมาย ยอมรับว่า ไม่ได้จ่ายค่าทำงานล่วงเวลาให้กับผู้จัดการสาขาเป็นเงินรวมมากถึง $32 ล้านดอลลาร์ ในระยะเวลา 6 ปี โดยมีพนักงานและอดีตพนักงานที่ได้รับผลกระทบประมาณ 3,000 คน
นอกจากต้องจ่ายเงินย้อนหลังแล้ว กลุ่มซูเปอร์รีเทลยังต้องจ่ายดอกเบี้ยและภาษีเงินเดือนพนักงานคิดเป็นเงินรวมกันมากถึง $11 ล้านดอลลาร์
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้นายปีเตอร์ เบอเทิลส์ (Peter Birtles) เลื่อนวันพ้นตำแหน่งประธานกรรมการบริหารจาก 31 มี.ค. เป็น 20 ก.พ. ในปีเดียวกัน
ธนาคารคอมมอนเวลธ์ (Commonwealth Bank)
“จากข้อผิดพลาดในระบบ” เป็นเหตุผลที่ทางธนาคารคอมมอนเวลธ์ระบุว่า เป็นสาเหตุของการจ่ายค่าจ้างพนักงานกว่า 8,000 คนน้อยกว่าที่พึงได้รับ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยการจ่ายค่าจ้างที่ผิดพลาดนั้นย้อนหลังไปเป็นเวลาถึง 10 ปี ซึ่งปัญหาดังกล่าวรวมถึงการจ่ายค่าจ้างและเงินซูเปอร์ คิดเป็นเงินราว 15 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์ในวันหนึ่งที่ธนาคารแบงค์เวสท์ (BankWest) สถาบันการเงินสาขาย่อยของธนาคารคอมมอนเวลธ์ ไม่จ่ายค้าจ้างแม้จะเป็นวันเงินเดือนออก
ไมเคิล ฮิลล์ (Michael Hill)
ไมเคิล ฮิลล์ ร้านเครื่องประดับขายปลีกออกมาประกาศว่า จะทำการจ่ายเงินคืนพนักงานและอดีตพนักงานเป็นมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์
จากการตรวจสอบการจ่ายค่าจ้างของบริษัท พบว่า มีความผิดพลาดในอัตราการจ่ายค่าจ้างในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา
ซันกลาส ฮัท (Sunglass Hut)
คณะกรรมาธิการแฟร์เวิร์กมีคำสั่งให้ บริษัทลักโซติกา รีเทล ออสเตรเลีย (Luxottica Retail Australia) หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า ซันกลาส ฮัท (Sunglass Hut) จ่ายเงินคืนให้แก่พนักงานและอดีตพนักงานเป็นมูลค่า $2.3 ล้านดอลลาร์
มีพนักงานของซันกลาส ฮัท ทั่วออสเตรเลียกว่า 620 คน ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งได้รับการจ่ายเงินชดเชยจากการไม่จ่ายค่าทำงานล่วงเวลา เป็นจำนวนเงินตั้งแต่ $4 - $42,919 ดอลลาร์
จากข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซันกลาส ฮัท ได้จ่ายเงินคืนเป็นจำนวน $1.5 ล้านดอลลาร์ให้กับพนักงาน 457 คน นอกจากนี้ยังได้ให้คำมั่นว่าจะบริจาคเงินเป็นจำนวน $50,000 ดอลลาร์ เพื่อแสดงความ ‘สำนึกต่อความผิดพลาด’ ให้กับสมาคมศูนย์กฎหมายชุมชนแห่งชาติ (National Association of Community Legal Centres)
บันนิงส์ (Bunnings)
ร้านขายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์รายใหญ่แห่งนี้ได้ออกแถลงการณ์เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งอธิบายว่า ลูกจ้างพาร์ทไทม์ได้รับการจ่ายเงินซูเปอร์ตกหล่นไป เบื้องต้น ทางบริษัทปฏิเสธที่จะเปิดเผยตัวเลขว่าเป็นเท่าใด แต่อย่างไรก็ตาม เดอะฟีดเข้าใจว่า พนักงานส่วนมากที่ได้รับผลกระทบรับเงินซูเปอร์ที่บันนิงส์จ่ายให้ขาดตกไปต่อคนน้อยกว่า $200 ดอลลาร์
วูลเวิร์ธส์ (Woolworths)
หนึ่งในบริษัทล่าสุดที่ออกมาเปิดเผยว่าจ่ายค่าจ้างพนักงานตกหล่น โดยวูลเวิร์ธส์ยอมรับว่า จ่ายค่าจ้างให้พนักงานขาดตกไปเป็นเงินมากถึง $300 ล้านดอลลาร์ ซูเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่ของออสเตรเลียรายนี้กำลังถูกสอบสวนโดยคณะกรรมาธิการแฟร์เวิร์ก จากการจ่ายค่าจ้างน้อยกว่าที่ลูกจ้างพึงได้รับให้กับพนักงานที่รับเงินเดือนประมาณ 5,700 คน ในช่วงเวลา 9 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ วูลเวิร์ธส์ ยอมรับว่า พบการจ่ายค่าจ้างตกหล่นเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จากการพิจารณารายละเอียดในสัญญาที่ได้รับการร้องเรียนจากพนักงาน
เซเว่น-อีเลฟเว่น (7-Eleven)
แฟรนไชร์ร้านสะดวกซื้อสาขาหนึ่งในนครเมลเบิร์นถูกปรับเป็นเงิน $335,664 ดอลลาร์ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังมีการเปิดโปงเรื่องการกดและฉกชิงค่าจ้างอันอื้อฉาว ซึ่งพนักงานถูกบังคับให้รับค่าจ้างที่ต่ำกว่ากฎหมาย และถูกสั่งให้ถอนค่าจ้างส่วนหนึ่งที่ได้รับจากไปใส่ไว้ในกล่องปลอดภัยภายในร้านรวมหลายพันดอลลาร์
นางไอ ลิง “ไอรีน” (Ai Ling “Irene”) อดีตผู้จัดการสาขากล่าวว่า เรื่องราวดังกล่าวนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้การจ่ายค้าจ้างที่น้อยกว่าลูกจ้างพึงได้รับของเซเว่น อิเลฟเว่น เมื่อปี 2015 เป็นที่รับรู้ต่อสาธารณชน
จากเรื่องดังกล่าว ทำให้พนักงานเซเว่น อิเลฟเว่น 3 คน ได้รับค้าจ้างน้อยกว่าที่พึงได้เป็นเงินรวม $6,674 ดอลลาร์
การแข่งขันกีฬาคอมมอนเวลธ์ เกมส์ (Commonwealth Games) 2018
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 10 คนที่ได้รับสัญญาให้ทำงานในการแข่งขันกีฬาคอมมอนเวลธ์เกมส์ 2018 ที่นครโกลด์โคสต์ รัฐควีนส์แลนด์ ได้รับการจ่ายอัตราจ้างชดเชยกว่า $24,000 ดอลลาร์ หลังได้รับค้าจ้างและค่าทำงานล่วงเวลาน้อยกว่าที่พึงได้รับ
นอกจากนี้ การตรวจสอบไปยังนายจ้าง 9 ราย ที่ได้รับสัญญาให้จัดหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในการแข่งขันพบว่า ไม่มีรายใดที่ปฏิบัติตามกฎหมายด้านสถานประกอบการ โดยพบอีกว่า มีพนักงานรักษาความปลอดภัยบางคนต้องรอเป็นเดือนกว่าจะได้รับค่าจ้างอย่างถูกต้อง
ซับเวย์ (Subway)
เป็นประเด็นถึงสองครั้งสำหรับร้านแซนด์วิชซับเวย์ หลังคณะกรรมาธิการแฟร์เวิร์กได้สืบสวนร้าน 22 สาขาในรัฐนิวเซาท์เวลส์และควีนส์แลนด์ พบว่า มีพนักงาน 167 คนได้รับค่าจ้างน้อยกว่าที่พึงได้รับ โดยขาดตกไปถึง $81,638 ดอลลาร์ ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
และเมื่อเดือนมีนาคมปีนี้ ร้านซับเวย์สาขาหนึ่งในนครซิดนีย์ถูกปรับเป็นเงิน $65,438 ดอลลาร์ หลังถูกพบว่าจ่ายค่าจ้างให้พนักงานผู้อพยพยชาวจีนน้อยกว่าที่พึงได้รับไป $16,345 ดอลลาร์ ตลอดช่วงเวลา 2 ปี
คอฟฟี คลับ (Coffee Club)
คณะกรรมาธิการแฟร์เวิร์กได้สั่งให้ร้านกาแฟคอฟฟี คลับ สาขาแบล็กทาวน์ (Coffee Club Backtown) จ่ายค่าจ้างย้อนหลังให้กับลูกจ้างผู้อพยพชาวเกาหลีเป็นเงิน $36,745 ดอลลาร์ หลังจ่ายค่าจ้างให้น้อยกว่าที่ลูกจ้างพึงได้รับ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ครัสท์ พิซซ่า (Crust Pizza)
เพิ่งเป็นข่าวไม่นานมานี้ เมื่อ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังเจ้าของร้านสาขาหนึ่งในเมืองโฮบาร์ตถูกปรับเป็นเงินมากถึง $104,000 ดอลลาร์ ซึ่งหนึ่งในจำนวนเงินดังกล่าวเป็นเงินที่ไม่ได้จ่ายให้ลูกจ้างเป็นจำนวน $9,926 ดอลลาร์ และค่าปรับในข้อหาเลือกปฏิบัติกับพนักงานผู้อพยพ
ซูชิเบย์ (Sushi Bay)
นางรีเบกกา ยี จอง ชิน (Rebecca Yi Jeong Shin) เจ้าของร้านซูชิเบย์สาขาหนึ่งในกรุงแคนเบอร์รา ถูกปรับเป็นเงินมากถึง $124,416 ดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงเงินที่ไม่ได้จ่ายให้ลูกจ้างเป็นจำนวน $18,671 ดอลลาร์ มีพนักงานได้รับผลกระทบ 22 คน หนึ่งในนั้นคือพนักงาน 4 คนที่อายุน้อยกว่า 19 ปี
ซูชิเซเว่นตีไนน์ (Sushi 79)
เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ร้านซูชิเซเว่นตีไนน์ 2 สาขาในรัฐควีนส์แลนด์ถูกปรับเป็นเงิน $125,700 ดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงค่าจ้างและเงินซูเปอร์ที่ไม่ได้จ่ายให้ลูกจ้างเป็นจำนวน $26,883 ดอลลาร์ ลูกจ้างชาวเกาหลีใต้ 9 คนที่มีวีซ่าอยู่ในออสเตรเลียได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ จากการสืบสวนโดยคณะกรรมาธิการแฟร์เวิร์กยังพบว่า ร้านดังกล่าวไม่มีการออกเพย์สลิป (Pay Slip) ให้กับลูกจ้างอีกด้วย
หมายเหตุ: รายชื่อกิจการที่เราได้รวบรวมมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น หากคุณต้องการพูดคุยกับใครสักคนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ว่าคุณจะได้รับการจ่ายค่าจ้างน้อยกว่าที่พึงได้รับจากนายจ้างของคุณ
หากคุณได้รับค่าจ้างอย่างไม่เป็นธรรมและต้องการบอกเล่าเรื่องราวกับเรา
รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์ ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ
You can check out the full version of this story in English on The Feed by
เรื่องราวที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
ลูกจ้างร้านไทยชี้วิธีปลดแอกการถูกกดค่าจ้าง
