ใครได้ ใครเสีย กับงบประมาณรัฐบาลกลางฉบับเดือนตุลาคม 22

รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง จิม ชาร์ลเมอร์ส ส่งมอบงบประมาณฉบับแรกของพรรคแรงงาน ใครได้ ใครเสีย และมีผลอย่างไรกับคุณ?

วิเคราะห์งบประมาณของรัฐบาลกลางชุดใหม่ ฉบับเดือนตุลาคม ปี 2022

วิเคราะห์งบประมาณของรัฐบาลกลางชุดใหม่ ฉบับเดือนตุลาคม ปี 2022 Source: SBS

ประเด็นสำคัญ
  • รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง จิม ชาร์ลเมอร์ส ส่งมอบงบประมาณฉบับแรกของรัฐบาลพรรคแรงงาน
  • ใครได้ ใครเสีย และมีผลกับคุณอย่างไร
รัฐมนตรีการคลัง จิม ชาร์ลเมอร์ส (Jim Chalmers) ส่งมอบ หลังค่าครองชีพพุ่งสูง ปัญหาระดับโลก สภาพอากาศย่ำแย่ และหนี้จำนวนล้านล้านดอลลาร์

เขากล่าวว่างบประมาณฉบับนี้จะช่วยบรรเทาค่าใช้จ่าย มุ่งสร้างการลงทุนในเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่นมากขึ้น และเริ่มซ่อมแซมงบประมาณในอดีต
การยับยั้งชั่งใจเป็นชื่อของเกมงบประมาณนี้
รมต.ชาร์ลเมอร์สกล่าว
ใครได้เปรียบ ใครเสียเปรียบ และงบประมาณนี้มีผลกับคุณอย่างไร?

ผู้ได้ประโยชน์

ผู้ปกครองที่ทำงาน

ก่อนการเลือกตั้ง พรรคแรงงานได้โฆษณาถึงงบประมาณที่จะส่งมอบว่าจะช่วยจุนเจือครอบครัว ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่รัฐบาลให้งบกับการดูแลเด็ก (Childcare) และเงินช่วยเหลือผู้ปกครองที่ต้องลางานเพื่อเลี้ยงดูบุตร (Paid parental leave)

ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2023 เป็นต้นไป เงินชดเชยค่าดูแลบุตร (Childcare subsidy) จะเพิ่มจาก 85 เปอร์เซ็นต์เป็น 90 เปอร์เซ็นต์ สำหรับครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่า $80,000 ดอลล่าร์

ทุกครอบครัวจะยังคงได้รับเงินชดเชยสูงขึ้นถึง 95 เปอร์เซ็นต์ สำหรับบุตรคนที่สองและคนต่อมา ที่อายุ 5 ขวบและยังต้องการการดูแล
นอกจากนี้ รัฐบาลได้ลงทุน $531.6 ล้านดอลลาร์กับโครงการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ปกครองที่ต้องลางานเพื่อเลี้ยงดูบุตร (Paid Parental Leave – PPL) เป็นเวลา 4 ปี โดยจะเพิ่มเวลาเป็นทั้งหมด 26 สัปดาห์

รัฐบาลจะเพิ่มเวลา 2 สัปดาห์สำหรับแต่ละปี ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2024 ถึงเดือนกรกฎาคม 2026 และจะเพิ่มเป็นทั้งหมด 6 สัปดาห์ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2026

สตรี

รัฐบาลของนายอัลบานีซีให้คำมั่นว่าจะส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ และย้ำเรื่องนี้ในงบประมาณ

การให้งบประมาณกับการให้เงินชดเชยสำหรับผู้ปกครองที่ต้องลางานเพื่อเลี้ยงดูบุตรและเงินชดเชยค่าเลี้ยงดูบุตร ซึ่งรัฐบาลกล่าวว่าเป็นการปรับปรุงความเท่าเทียมทางการเงินของสตรีและลดความเหลื่อมล้ำเรื่องรายได้ที่แตกต่างระหว่างเพศ

ยังมีงบประมาณช่วยเหลือเรื่องความปลอดภัยของสตรีจำนวน $1.7 พันล้านดอลลาร์ การออกกฎหมายเพื่อให้เหยื่อของความรุนแรงในครอบครัวสามารถขอลาหยุดงานโดยยังได้รับเงินได้ 10 วัน และการลงทุนกับบ้านเคหะราคาย่อมเยาสำหรับสตรีและบุตรที่ประสบปัญหาความรุนแรงในครอบครัว

นักศึกษาและภาคส่วนการศึกษา

ด้วยความร่วมมือกับรัฐบาลระดับมลรัฐและมณฑล รัฐบาลทุ่มงบ $1 พันล้านดอลล่าร์กับค่าธรรมเนียมการศึกษาในระดับวิชาชีพ (TAFE) และอาชีวะศึกษา (Vocational Education) ในข้อตกลงเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพระดับประเทศเป็นเวลา 1 ปี

ในปี 2023 สถาบันวิชาชีพและอาชีวะศึกษาจะเปิดรับนักศึกษาโดยไม่คิดค่าธรรมเนียม 180,000 คน นับเป็นก้าวแรกของโครงการนี้จากทั้งหมด 480,000 คน
โดยจะให้งบกับหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุจำนวน 15,000 คน เพื่อช่วยลดความกดดันในภาคส่วนนี้

งบประมาณอีกกว่า $770 ล้านดอลล่าร์จะลงทุนกับการสร้างโรงเรียนที่ดีกว่าเดิม เพื่อนักศึกษาที่มีสุขภาพดีกว่าเดิม และครูที่มีคุณสมบัติมากขึ้น รวมถึงงบทุนการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยอีก $485 ล้านดอลล่าร์ใน 2 ปีข้างหน้า สำหรับนักศึกษาที่ด้อยโอกาส

สิ่งแวดล้อม

จุดเด่นอีกประการหนึ่งของงบประมาณนี้คืองบเรื่องภาวะโลกร้อนและสิ่งแวดล้อม

งบประมาณ $1.8 พันล้านดอลล่าร์กับการปกป้องสิ่งแวดล้อม คุ้มครองมรดกทางธรรมชาติ และอีก $204 ล้านดอลล่าร์เพื่อเร่งฟื้นฟูและปกห้องแนวปะการังเกท แบริเออร์ รีฟ (Great Barrier Reef)

นอกจากนี้ยังให้เงินเพื่อการริเริ่มรักษาพันธุ์สัตว์พื้นเมือง ปรับปรุงทางน้ำในเมือง สร้างศูนย์วิจัย ปรับปรุงการจัดการมหาสมุทรและอุทยานทะเล และร่วมงานกับชนพื้นเมืองเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
กราฟแสดงงบลงทุนของรัฐบาลที่ให้แก่การดูแลเด็ก สิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยของสตรี และค่าเล่าเรียน
กราฟแสดงงบลงทุนของรัฐบาลที่ให้แก่การดูแลเด็ก สิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยของสตรี และค่าเล่าเรียน Source: SBS
รัฐบาลวางแผนที่จะผลักดันการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียน (Renewable energy) กับโครงการขับเคลื่อนพลังงานออสเตรเลีย (Powering Australia Plan) ซึ่งระบุว่าจะสร้างงานพร้อมๆ กับสร้างพลังงานที่ถูกกว่าและสะอาดกว่า

งบประมาณกว่า $800 ล้านดอลล่าร์จะลงทุนเพื่อสร้างแบตเตอรีพลังงานแสงอาทิตย์แก่บ้านเรือน 100,000 หลัง ลดภาษีลดยนต์ไฟฟ้า สร้างเครือข่ายสถานีชาร์ตรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศ และสถานีเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนบนทางหลวง

ชนพื้นเมืองและเสียงในสภา

งบประมาณจำนวน $1.2 พันล้านดอลล่าร์กับมาตรการลดช่องว่างระหว่างชนพื้นเมืองและชุมชน

รวมถึงให้งบ $50.2 ล้านดอลล่าร์สำหรับคณะกรรมการการเลือกตั้งของออสเตรเลียเพื่อเตรียมการลงประชามติเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญเพื่อให้เสียงแก่ชนพื้นเมืองในรัฐสภา
และงบประมาณ $54.3 ล้านดอลล่าร์สำหรับการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เป็นชนพื้นเมือง 500 นาย และอีก $164.3 ดอลล่าร์สำหรับโครงการเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขเพื่อดูแลประชากรที่เป็นชนพื้นเมือง

รวมถึงงบประมาณ $99 ล้านดอลล่าร์ที่ลงทุนกับโครงการความยุติธรรมเพื่อชนพื้นเมือง (First Nation Justice)

การป้องกันประเทศ

เงินทุนเพื่อการป้องกันประเทศจะเพิ่มขึ้น 8 เปอร์เซ็นต์ในระหว่างปี 2022-23 และจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี (GDP - รายได้โดยรวมของประเทศ)

โดยรัฐบาลจะลงทุน $13 ล้านดอลล่าร์เพื่อแต่งตั้งอุปฑูตพิเศษประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดตั้งสำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อประสานงานกับรัฐบาลในภูมิภาค

รัฐบาลยังให้งบอีก $31 ล้านดอลล่าร์เพื่อขยายโครงการนำร่องไซเบอร์ฮับของออสเตรเลีย (Australian Public Services) เพื่อพัฒนาความสามารถและความปลอดภัยด้านไซเบอร์

ผู้รับเงินบำนาญ

ผู้รับเงินบำนาญ (Pensioner) ที่ต้องการทำงานจะสามารถมีรายได้ได้สูงถึง $11,800 (เดิม $7,800) ก่อนจะถูกหักเงินบำนาญ

รัฐบาลจะสนับสนุนผู้สูงอายุในออสเตรเลียให้ลดขนาดบ้าน โดยรัฐบาลได้เปลี่ยนการทดสอบสินทรัพย์บำนาญ (Pension asset test) ผู้ที่ขายบ้านจะได้รับการยกเว้นสูงสุด 24 เดือน จากเดิม 12 เดือน

รวมถึงขยายการปันเงินเข้ากองทุนเงินซุปเปอร์ (Superannuation) สำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 50 – 59 ปีที่ต้องการลดขนาดบ้าน
Australian Finance Minister Katy Gallagher, Australian Prime Minister Anthony Albanese and Australian Treasurer Jim Chalmers holding coffees and documents while speaking in Parliament House courtyard.
Treasurer Jim Chalmers has handed down the 2022-2023 Federal Budget. Source: AAP / Lukas Coch

การดูแลผู้สูงอายุ

รัฐบาลให้งบประมาณจำนวน $2.5 พันล้านดอลล่าร์เพื่อให้มีพยาบาลที่ขึ้นทะเบียน (Registered nurses) ประจำบ้านพักคนชราตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2023 โดยจำนวนในการดูแลจะเพิ่มขึ้นเป็น 215 นาทีต่อหนึ่งคน ต่อวัน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2024

รัฐบาลยังให้เงิน $810.2 ล้านดอลล่าร์แก่สถานบริการบ้านพักคนชราในการจัดการการระบาดของโควิด และอีก $34.9 ดอลล่าร์เพื่อจัดหาการตรวจโควิดต่อไปในสถานบริการบ้านพักคนชราจนถึง 31 ธันวาคม 2022

ผู้ที่ต้องการมาออสเตรเลีย

ธุรกิจที่ต้องการแรงงานจะสามารถหาคนทำงานได้ง่ายขึ้น ด้วยจำนวนวีซ่าทักษะ (Skilled visa) ที่เพิ่มขึ้นจาก 79,600 เป็น 142,400 วีซ่า

นอกจากนี้ยังเปิดตัววีซ่าความร่วมมือกับภูมิภาคแปซิฟิก (Pacific Engagement Visa) จำนวน 3,000 วีซ่าในปีหน้า สำหรับประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกและติมอร์-เลสเต (Timor-Leste) เพิ่มจากจำนวน 195,000 วีซ่าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำหรับผู้พำนักถาวร
ผู้ที่ต้องการพบเจอครอบครัวที่อาศัยอยู่ต่างประเทศจะได้รับประโยชน์เช่นกัน

วีซ่าคู่ครองและเด็กจะไม่มีการจำกัดจำนวน วีซ่าผู้ปกครองจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยรัฐบาลได้เพิ่มจำนวนวีซ่าจาก 4,500 ในระหว่างปี 2021-22 เป็น 8,500 วีซ่าในปีนี้

บ้านราคาย่อมเยา ได้เปรียบหรือเสียเปรียบ?

งบประมาณนี้ริเริ่มข้อตกลงเรื่องบ้านพักอาศัยฉบับใหม่ ระหว่างรัฐบาล นักลงทุนและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างที่พักอาศัยใหม่ 1 ล้านหลัง ในทำเลที่ดี ภายใน 5 ปี เริ่มปี 2024

รัฐบาลยังให้งบอีก $350 ล้านดอลล่าร์เพื่อสร้างที่พักอาศัยในราคาย่อมเยาอีก 10,000 หลัง เพิ่มเติมจากโครงการที่มีอยู่ปัจจุบัน รัฐบาลระดับมลรัฐและมณฑลจะสร้างที่พักอาศัยใหม่อีก 10,000 หลัง รวมจำนวนบ้านพักอาศัยในราคาย่อมเยาที่จะสร้างใหม่ทั้งหมด 20,000 หลัง

นอกจากนี้ โครงการช่วยซื้อบ้าน (Help to Buy Scheme) จะช่วยให้ประชากรออสเตรเลีย 40,000 คนสามารถซื้อบ้านได้ด้วยการวางเงินมัดจำ (Deposit) ในราคาถูก และราคาจำนองบ้านไม่แพง รวมถึงโครงการเงินประกันผู้ซื้อบ้านหลังแรกในแถบภูมิภาค (Regional First Home Buyer Guarantee) ที่จัดงบเพื่อช่วยผู้ซื้อบ้านรายแรกจำนวน 10,000 คนต่อปี

มาตรการเหล่านี้จะไม่มีผลในทันที ผู้ที่กำลังจะซื้อบ้านใหม่เร็วๆ นี้หรือผู้ที่มองหาบ้านเช่าราคาไม่แพงยังคงเผชิญความกดดันอยู่

ผู้เสียประโยชน์

ครอบครัว

แม้รัฐบาลจะมีมาตรการเพื่อช่วยลดความกดดันเรื่องค่าครองชีพ เช่น เงินช่วยเหลือค่าดูแลเด็ก เงินช่วยเหลือสำหรับผู้ปกครองที่ต้องลางานเพื่อเลี้ยงดูบุตร และค่ายา แต่โดยเฉลี่ยแล้วครอบครัวชาวออสเตรเลียจะได้รับเงินช่วยเหลือเพียงเล็กน้อย

กับค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน เช่น ค่าที่พักอาศัย ค่าอาหาร ค่าน้ำมันที่ยังคงสูงอยู่ และคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงสุดถึง 7.75 เปอร์เซ็นต์ในปลายปีนี้
อัตราเงินเฟ้อที่สูง ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยสูง และปัญหาเศรษฐกิจทั่วโลก หมายความว่าจะไม่มีการเพิ่มอัตราค่าแรงในเร็ววันจนกว่าจะถึงปี 2024

“ค่าแรงที่เพิ่มขึ้นในตอนนี้ก่อนการเลือกตั้ง แต่เรื่องนี้ก็ถูกบดบังด้วยค่าไฟที่เพิ่มขึ้น ค่าจับจ่ายใช้สอยที่กินเงินที่มี” รมต.ชาร์ลเมอร์สกล่าว

โครงการของรัฐบาลชุดก่อน

เพื่อสนับสนุนการลงทุนและการใช้จ่ายของรัฐบาลชุดก่อน รัฐบาลนายอัลบานีซีจะมอบเงิน $22 พันล้านดอลล่าร์เพื่อลดค่าใช้จ่ายและการเปลี่ยนแนวทางใหม่

โครงการเหล่านี้ได้แก่ $1.7 พันล้านดอลล่าร์เพื่อเปลี่ยนแนวทางลงทุนจากโครงการเร่งการพัฒนาระดับภูมิภาค (Regional Accelerator Program) และงบ 1.4 พันล้านดอลล่าร์ที่ลดการลงทุนบางส่วนในโครงการความมั่นคงด้านพลังงาน (Energy Security) และโครงการพัฒนาในเขตภูมิภาค (Regional Development Plan)

รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง เคที กัลลาเกอร์ (Katy Gallagher) กล่าวว่าจะตัดงบ $671 ล้านดอลล่าร์จากกองทุนเพื่อคลี่คลายความแออัดในตัวเมือง (Urban Congestion Fund) เพื่อสร้างที่จอดรถและโครงการสร้างภูมิภาคที่ดีขึ้น

บริษัทยักษ์ใหญ่นานาชาติ

การปราบปรามบริษัทนานาชาติ โดยรัฐบาลจะบังคับให้เปิดเผยข้อมูลการเสียภาษีตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2023

บริษัทเหล่านี้จะไม่สามารถขอรับเงินภาษีคืนบางอย่าง ที่ทำให้จ่ายภาษีน้อยลงหรือไม่ต้องเสียภาษีเลย

บทลงโทษสำหรับการละเมิดเรื่องการแข่งขันและกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นจาก $10 ล้านดอลล่าร์เป็น $50 ล้านดอลล่าร์ต่อการฝ่าฝืนในแต่ละครั้ง เพิ่มบทลงโทษเดิมหัก 10 เปอร์เซ็นต์จากรายได้ประจำปี เป็น 30 เปอร์เซ็นต์จากรายได้ประจำปี ในช่วงเวลาที่มีการละเมิด

ผู้เลี่ยงภาษี

มุ่งเอาผิดตัวแทนยื่นภาษีที่ให้คำแนะนำอย่างผิดกฎหมาย โดยรัฐจะทุ่มงบ $30 ล้านดอลลาร์แก่คณะกรรมการตรวจสอบผู้ยื่นภาษี (Tax Practitioners Board) ในการสืบสวนและปรับปรุงการปฏิบัติตามกฎภาษี

กรมภาษีอากรแห่งออสเตรเลีย (Australian Taxation Office – ATO) จะได้รับงบประมาณ $80 ล้านดอลลาร์เพื่อดำเนินโครงการกัปัญหาการยื่นภาษีเกินจริงต่อไป


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 
 

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share
Published 26 October 2022 2:59pm
By Jessica Bahr
Presented by Chollada Kromyindee
Source: SBS


Share this with family and friends