รัฐเล็งให้การบังคับควบคุมในความสัมพันธ์เป็นความผิดอาญา

Mwanamke alia wakati mumewe anamkaripia

Mwanamke alia wakati mumewe anamkaripia Source: Getty

Get the SBS Audio app

Other ways to listen

นิวเซาท์เวลส์ตั้งคณะกรรมาธิการรัฐสภาไต่สวนหาความจริงประเด็นการบังคับควบคุมในความสัมพันธ์ เล็งจะออกกฎหมายเรื่องนี้โดยเฉพาะ ขณะผู้หญิงจากชุมชนหลากวัฒนธรรมเผย คนในชุมชนไม่ค่อยรู้ว่าพฤติกรรมนี้เป็นความรุนแรงในครอบครัวอย่างหนึ่ง


นิวเซาท์เวลส์ตั้งคณะกรรมาธิการรัฐสภาไต่สวนหาความจริงประเด็นการบังคับควบคุมในความสัมพันธ์ เล็งจะออกกฎหมายด้านนี้โดยเฉพาะ

องค์กรต่างๆ ที่ทำงานกับประชาชนโดยตรงได้ให้ข้อมูลในการไต่สวนหาความจริงของรัฐสภานิวเซาท์เวลส์ในเรื่องการบังคับควบคุมว่า จำเป็นต้องมีมาตรการที่ครอบคลุมรอบในการที่รัฐจะรับมือกับปัญหาการใช้ความรุนแรงในครอบครัว

ขณะที่กลุ่มตัวแทนชุมชนหลากภาษาและวัฒนธรรม ยังได้เรียกร้องให้มีมาตรการที่รัดกุมรอบคอบในการทำให้การบังคับควบคุมเป็นความผิดทางอาชญากรรม เพื่อให้เหยื่อที่มีความเปราะบางอยู่แล้วได้มีสิทธิ์มีเสียง

ฟังรายงาน
LISTEN TO
Inquiry examines coercive control in relationships image

รัฐเล็งให้การบังคับควบคุมในความสัมพันธ์เป็นความผิดอาญา

SBS Thai

25/02/202105:38
แอนนา ซึ่งไม่ต้องการเปิดเผยชื่อจริง รู้ดีว่า การตกเป็นเหยื่อความรุนแรงในครอบครัวนั้นเป็นอย่างไร

“มันส่งผลกระทบอย่างแท้จริง ที่ทำให้ฉันไม่ไว้ใจตนเอง และไม่มีความกระตือรือร้นใดๆ เลยในชีวิต” แอนนา เผย

หญิงสาววัย 36 ปีผู้นี้ ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ในออสเตรเลียจากประเทศอินเดียเพื่อศึกษาต่อ และในออสเตรเลียนี่เองที่เธอได้พบกับผู้ชายที่เธอเคยคิดว่าเป็นคนเดียวที่เธอจะรักในชีวิตนี้

แต่เธอกล่าวว่า หลังจากทั้งสองได้แต่งงานกัน ความสัมพันธ์ก็เปลี่ยนแปลงไป และเมื่อมองย้อนหลังกลับไป เธอพบว่า มีสัญญาณทุกอย่างของการบังคับควบคุมเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ เช่น การข่มขู่ให้เกรงกลัวและการถูกแยกตัวให้โดดเดี่ยว

“หลายอย่างไม่ถูกต้องตั้งแต่วันแรก แต่ฉันก็ไม่สามารถเข้าใจได้ ฉันไม่สามารถลงความเห็นได้ว่า มันเป็นการใช้ความรุนแรงในครอบครัว หรือมันเป็นอะไรกันแน่ ตอนนั้น ฉันได้แต่คิดว่า มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตการแต่งงาน” แอนนา กล่าว

หลายกลุ่มที่เป็นตัวแทนผู้หญิงจากชุมชนหลากภาษาและวัฒนธรรม ให้ข้อมูลในการไต่สวนหาความจริงของรัฐนิวเซาท์เวลส์ เกี่ยวกับการขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องการข่มเหงประเภทนี้ และความสำคัญของการให้ความปรึกษาและการให้ความรู้ในชุมชนเกี่ยวกับเรื่องนี้

ดร.แมนจูลา โอคอนเนอร์ ผู้อำนวยการบริหาร ของศูนย์ด้านสิทธิมนุษยชนและสุขภาพ ของออสตราเลเชียน เซนเตอร์ ฟอร์ ฮูแมน ไรต์ส แอนด์ เฮลท์ กล่าวว่า

“มีความคาดหวังทางวัฒนธรรมให้ผู้หญิงต้องยอมอยู่ใต้บังคับบัญชา และดังนั้น พวกเธอจึงไม่ตระหนักว่า ตอนไหนที่พวกเธอกำลังถูกครอบงำและตอนไหนที่พวกเธอกำลังถูกแยกตัวให้โดดเดี่ยว ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องมีคำเรียกสิ่งเหล่านี้” ดร.โอคอนเนอร์ แสดงความเห็น

ขณะที่บางรัฐและมณฑลของออสเตรเลียตระหนักถึงการบังคับควบคุมภายใต้กฎหมายแพ่ง แต่แทสเมเนียเป็นพื้นที่ปกครองเดียวในออสเตรเลียที่ออกกฎหมายกำหนดให้องค์ประกอบส่วนหนึ่งของการบังคับควบคุมเป็นความผิดทางอาญา

รัฐควีนส์แลนด์ได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า รัฐจะตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาพิจารณาด้านกฎหมายเกี่ยวกับการบังคับควบคุม

คุณเนมัต คาร์บูตลิ ตัวแทนจากองค์กร สตรีมุสลิมแห่งออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านปัญหาความรุนแรงในครอบครัวโดยเฉพาะ กล่าวว่า การกำหนดให้พฤติกรรมการบังคับควบคุมในความสัมพันธ์เป็นความผิดทางอาญา ควรเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การแก้ปัญหานี้อย่างครบวงจร

“สตรีชาวมุสลิมมักแจ้งกับองค์กรสตรีมุสลิมแห่งออสเตรเลียบ่อยครั้งเกี่ยวกับการที่พวกเธอต้องข้องเกี่ยวกับตำรวจและองค์กรด้านการเหยียดเชื้อชาติของรัฐบาล สิ่งสำคัญคือ ต้องทำให้แน่ใจได้ว่า เรามีมาตรการจากชุมชนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ใช่มาตรการการลงทัณฑ์ที่จะสร้างอันตรายต่อผู้หญิงมากขึ้น และผลักดันให้ความก้าวหน้าที่ได้เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สิบปีก่อนถอยหลังกลับไป” คุณ คาร์บูตลิ กล่าว

องค์กรด้านปัญหาความรุนแรงในครอบครัวหลายแห่ง รวมทั้ง วิทยาลัยจิตแพทย์แห่งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ได้ให้การสนับสนุนการจะมีกฎหมายของรัฐเกี่ยวกับการบังคับควบคุมในความสัมพันธ์โดยเฉพาะขึ้น

คณะกรรมาธิการไต่สวนหาความจริงของนิวเซาท์เวลส์ มีกำหนดจะเปิดเผยรายการเรื่องนี้ในเดือนมิถุนายน


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้ท่านพลาดสถานการณ์ล่าสุด

นอกจากนี้ คุณยังสามารถรับฟังข่าวสารล่าสุดเป็นภาษาไทยผ่านทางวิทยุออนไลน์ได้ที่แอปฯ SBS Radio



Share