หลายฝ่ายเรียกร้องรัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤติขาดแคลนครูและพนักงานการศึกษาปฐมวัย

Preschool teacher guiding and arranging students waiting in line entering classroom

ครูปฐมวัยกำลังจัดระเบียบการต่อแถวของเด็กๆ Credit: shih-wei/Getty Images

กลุ่มผู้สนับสนุนอุตสาหกรรมการดูแลเด็กเรียกร้องรัฐบาลก้าวเข้ามาแก้ปัญหาการขาดแคลนพนักงานในภาคส่วนนี้ นักการศึกษาปฐมวัยจำนวนมากกำลังลาออกจากงาน และครอบครัวชาวออสเตรเลียกำลังเผชิญกับผลกระทบของปัญหาดังกล่าว


กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน


อุตสาหกรรมการดูแลเด็กในออสเตรเลียกำลังเผชิญวิกฤติ และครอบครัวจำนวนมากต้องแบกรับผลกระทบดังกล่าว

ในขณะที่ออสเตรเลียยังคงต่อสู้กับปัญหาการขาดแคลนครูปฐมวัย รายงานใหม่จากสหภาพแรงงาน ชี้ให้เห็นว่าการได้รับค่าตอบแทนต่ำและการขาดแคลนพนักงาน ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในภาคส่วนนี้อย่างไร

โดยการสำรวจนี้ ได้สำรวจศูนย์การเรียนรู้ปฐมวัยมากกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งมีการศึกษาเกี่ยวกับวิกฤติดังกล่าวส่งผลผลกระทบอย่างไรกับบุคลากรในอุตสาหกรรมนี้

ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาปฐมวัยของสหภาพแรงงาน เฮเลน กิบบอนส์ ชี้ว่านักการศึกษาปฐมวัยกำลังดิ้นรนในภาวะเช่นนี้และมันส่งกระทบผลโดยตรงต่อเด็กๆ คุณ กิบบอนส์ เปิดเผยว่า

 “ผลสำรวจที่ได้มันแย่มาก เราพบว่าศูนย์ดูแลเด็กเล็กจำนวนมาก ซึ่งมีจำนวนเกือบสองในสาม กล่าวว่า สวัสดิภาพและความปลอดภัยของเด็ก ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนบุคลากร และเรายังพบอีกว่าประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ของศูนย์การศึกษาปฐมวัย และครอบครัว ไม่สามารถเปิดให้บริการหรือใช้บริการในวันที่พวกเขาต้องการได้  ดังนั้นสิ่งที่เราเห็นก็คือ บางครั้ง เด็กๆ ไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ดีที่สุด และเรายังเห็นอีกว่าครอบครัวไม่สามารถได้รับการดูแลที่พวกเขาต้องการ เนื่องมาจากการวิกฤตขาดแคลนพนักงาน มันเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายจริงๆ ”

คุณ กิบบอนส์ ยังกล่าวอีกว่า การทำงานที่ได้รับค่าจ้างต่ำในภาคการศึกษาปฐมวัย เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้พนักงานลาออก

เธอเชื่อว่าการขึ้นเงินเดือน จะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมนี้มีเสถียรภาพมากขึ้น เธอกล่าวว่า

"พนักงานลาออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งมีคนออกไปมากขึ้นเท่าไร คนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังก็ยิ่งทำงานยากมากขึ้นเท่านั้น และนี่ไม่ใช่แค่เรื่องที่เลวร้ายสำหรับนักการศึกษาปฐมวัยเท่านั้น สิ่งที่เราพบในการสำรวจของเราคือ มันส่งผลต่อเด็กและครอบครัวด้วย เราควรหยุดยั้งสถานการณ์นี้ได้แล้ว มันยิ่งรุนแรงมากขึ้น และเราต้องแก้ไขปัญหา ไม่เช่นนั้น ภาคส่วนนี้จะพังทลาย"
ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาปฐมวัยของสหภาพแรงงาน เฮเลน กิบบอนส์ กล่าว


ส่วน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มผู้สนับสนุน The Parenthood เจสซิกา รัดด์ กล่าวว่าพ่อแม่ก็กำลังเผชิญกับปัญหาจากวิกฤติครั้งนี้เช่นกัน เนื่องจากส่งผลกระทบต่อพ่อแม่เพราะพวกเขาไม่สามารถไปทำงานได้ คุณ รัดด์ เปิดเผยว่า
พ่อแม่ต่างตกที่นั่งลำบากในการเข้าถึงการศึกษาปฐมวัยและการดูแลลูกๆ ของพวกเขา มันไม่ใช่แค่การมองหาการส่งเสริมด้านการเรียนรู้ในช่วงต้นของชีวิตเด็กๆ เท่านั้น แต่ท่ามกลางวิกฤตค่าครองชีพ ครอบครัวต้องการที่จะเข้าร่วมในตลาดแรงงาน ในขณะที่พ่อแม่ต้องไปทำงาน พวกเขาจะได้อุ่นใจว่าลูกได้รับการดูแล
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารThe Parenthood เจสซิกา รัดด์

จากข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการ พบว่ากว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานดูแลเด็กเป็นผู้หญิง

และสำนักงานสถิติแห่งออสเตรเลียชี้ว่า การดูแลเด็กยังคงเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดต่อการมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานของสตรี

รายงานล่าสุดระบุว่าในปี 2020 ถึง 2021 มีผู้คนจำนวน 2.8 ล้านคนที่ไม่ได้ทำงานเต็มเวลา และคนจำนวน 1.7 ล้านคนที่ต้องการงานหรือทำงาน พาร์มไทม์ ในขณะที่คน 1.1 ล้านคนที่ต้องการชั่วโมงทำงานที่มากขึ้น

หนึ่งในเจ็ด ของจำนวนที่ทำการสำรวจ พบว่าพวกเขาไม่สามารถทำงานหรือได้ชั่วโมงทำงานเพิ่ม ภายในระยะเวลาสี่สัปดาห์ ซึ่งประมาณสองในสามของจำนวนี้เป็นผู้หญิง

ประธานสภาผู้ปกครองแห่งออสเตรเลีย เจนนี่ แบรนช์-อัลเลน กล่าวว่า พ่อแม่ โดยเฉพาะผู้หญิง บอกว่าพวกเขาเผชิญกับอุปสรรคในชีวิตประจำวันของพวกเขาซึ่งเป็นผลกระทบของปัญหาในอุตสาหกรรมการศึกษาปฐมวัย
เราได้ยินจากผู้ปกครองหลายคนว่าพวกเขาประสบปัญหาในการเข้าถึงบริการดูแลเด็ก โดยเฉพาะผู้ที่พยายามกลับมาทำงานอีกครั้ง ปัญหาในการรอคิวเข้ารับบริการในศูนย์การศึกษา การไม่สามารถได้เวลาที่เหมาะสมกับชั่วโมงทำงานของพวกเขา ซึ่งกำลังกลายเป็นปัญหาทั่วประเทศ
ประธานสภาผู้ปกครองแห่งออสเตรเลีย เจนนี่ แบรนช์-อัลเลน
ด้าน รัฐบาลอัลบานีซี จัดสรรงบประมาณ มูลค่า 72.4 ล้านดอลลาร์เพื่อส่งเสริมบุคลากรด้านการศึกษาปฐมวัย ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อนักการศึกษามากกว่า 80,000 ราย ในส่วนภูมิภาคและพื้นที่ห่างไกลของออสเตรเลีย รวมถึงองค์กร First Nations

แต่รองประธานของ กลุ่มพันธมิตรดูแลเด็กแห่งออสเตรเลีย นีชา ฮัทชินสัน กล่าวว่า จำเป็นต้องดำเนินการมากกว่านี้เพื่อช่วยครอบครัวและภาคส่วนนี้ คุณ ฮัทชินสัน กล่าวว่า

"ครอบครัวจ่ายเงินเป็นจำนวนมาก ถ้าเราขึ้นค่าจ้างของพนักงาน ค่าธรรมเนียมก็จะเพิ่มขึ้น เราต้องการให้รัฐบาลก้าวขึ้นมาจัดการเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้ครอบครัวต้องเสียค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น เรากำลังทำงานร่วมกับสหภาพแรงงานเพื่อเจรจาผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่คำตอบสุดท้ายของการแก้ปัญหานั้นก็คือการที่รัฐบาลกลางเข้ามาร่วมกันทางทางแก้ปัญหานี้ และตกลงที่จะเพิ่มงบประมาณในการขึ้นค่าจ้างพนักงาน และเรากำลังตั้งตารอให้มันเกิดขึ้น และเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่ากระบวนการนี้จะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่เป็นไปในทางบวกให้กับภาคส่วนนี้"


รัฐมนตรีกระทรวงการคลังและกิจการสตรี เคธี่ กัลลาเกอร์ กล่าวว่า รัฐบาลกำลังดำเนินการเพื่อทำให้ออสเตรเลียมีความเท่าเทียมกันมากขึ้นในแง่ของเพศสภาพและเศรษฐกิจ รัฐมนตรี กัลลาเกอร์ เปิดเผยว่า

"เรากำลังพยายามอย่างมากที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เราจะใช้งบประมาณที่มีอยู่เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจได้อย่างไร ซึ่งฉันคิดว่า มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่ประชากรเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ทำงาน และไม่สามารถเป็นกำลังในระบบเศรษฐกิจของเราในแบบที่พวกเขาต้องการ บางส่วนมันก็เกี่ยวกับกับปัญหาของอุตสาหกรรมการดูแลเด็ก และบางส่วนก็เนื่องมาจากกับความต้องการความช่วยเหลือในการดูแลเด็ก เมื่อคุณดู จากข้อมูลนี้ มันชัดเจนมากว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานพาร์ทไทม์ในประเทศนี้เป็นผู้หญิง"



คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  


บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 





 

 

 

 

 

 

 

Share