ทำไมการฝากครรภ์ที่ออสเตรเลียจึงมีความสำคัญ

resized_nurse_weighing_pregnant_woman_in_hospital_room_-_stock_photo_gettyimages-532031263.jpg

พยาบาลชั่งน้ำหนักผู้หญิงตั้งครรภ์ในโรงพยาบาล

สถิติล่าสุดในออสเตรเลียระบุว่า มีผู้หญิงเพียง 3 ใน 4 คนที่เข้ารับการฝากครรภ์ ใน 14 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ เหตุใจการเริ่มตรวจครรภ์แต่แรกเริ่มเป็นสิ่งสำคัญ?


แพทย์หญิงอเดล เมอร์โดโล (Dr Adele Murdolo) ผู้อำนวยการศูนย์พหุวัฒนธรรมเพื่อสุขภาพสตรีในเมลเบิร์นกล่าวว่า การฝากครรภ์มีจุดมุ่งหมายเพื่อดูแลสุขภาพและป้องกันโรคแก่ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์และเด็ก

“พบแพทย์แต่เนิ่นๆ ควรนัดพบแพทย์ทันทีที่คุณพบว่าคุณตั้งครรภ์ และนัดตรวจเป็นประจำ เพราะเจ้าหน้าที่ทางแพทย์รู้ถึงสัญญาณของปัญหาในระหว่างการตั้งครรภ์ได้”

จากสถาบันสุขภาพและสวัสดิการแห่งออสเตรเลีย (Australian Institute of Health and Welfare – AIHW) ปี 2019 พบว่าผู้หญิง 55% ฝากครรภ์ใน 10 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์

โดย 1 ใน 4 ของกลุ่มที่มักไม่ฝากครรภ์ในช่วง 3 เดือนแรกคือผู้หญิงที่เป็นผู้อพยพ
เราพบว่า ผู้หญิงที่เป็นผู้อพยพเข้าฝากครรภ์ช้ากว่า และรัฐบาลออสเตรเลียแนะนำให้ผู้หญิงเข้าฝากครรภ์ภายในช่วง 10 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงที่เป็นผู้อพยพไม่เข้าฝากครรภ์ แม้จะผ่าน 20 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ นี่เป็นตัวเลขโดยรวมของออสเตรเลีย เมื่อคุณพิจารณาในบางพื้นที่ที่เสียเปรียบด้านเศรษฐกิจและสังคม อัตรายิ่งต่ำลงอีก และเราทราบว่ามีผู้หญิงที่เป็นผู้อพยพบางกลุ่มที่ไม่ได้รับการดูแลเลย
พญ เมอร์โดโลกล่าว
pregnant woman with doctor
Some groups of migrant women in Australia don't get any antenatal care. Source: Getty / Getty Images/Dean Mitchell
พญ.เมอร์โดโลกล่าวว่าการตรวจคัดกรองสามารถตรวจพบและป้องกันภาวะแทรกซ้อนในระยะเริ่มต้นได้

“มีภาวะด้านสุขภาพบางอย่างที่ผู้หญิงที่เป็นผู้อพยพและผู้ลี้ภัยมีอัตราเสี่ยงสูง ภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gastational diabetes) ภาวะครรภ์เป็นพิษ (Preeclampsia) และการแท้งบุตร (Stillbirth) หากการตั้งครรภ์มีปัญหา ส่วนใหญ่มักพบได้ในช่วงแรกเริ่มของการตั้งครรภ์ และคุณสามารถป้องกันได้ เจ้าหน้าที่ทางแพทย์สามารถวางแผนการช่วยเหลือได้ ทั้งในระหว่างการตั้งครรภ์ การคลอดบุตรและในระยะแรกเกิด"

คุณอแมนดา เฮนรี (Amanda Henry) รองศาสตราจารย์ด้านสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ (Obstetrics and Gynaecology at UNSW) และสูติแพทย์ที่โรงพยาบาลเซนต์ จอร์จ และโรงพยาบาลรอยัล วีเม่น (Obstetrician at St George Public Hospital and the Royal Hospital for Women in Sydney) แนะนำให้ฝากครรภ์ภายใน 10 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ และไม่ควรเป็นหลัง 14 สัปดาห์

“การตรวจที่เราทำ การตรวจสอบตามระยะในระหว่างการตั้งครรภ์ แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก การตรวจอัลตราซาวด์ (Ultrasound) การตรวจเลือดและตรวจปัสสาวะ และการตรวจเช็คเรื่องอื่นๆ เช่น การตรวจคัดกรองปากมดลูก (Cervical screening) ตรวจวัดความดัน และตรวจสอบภาวะสุขภาพจิต”
ศจ.เฮนรีกล่าวว่า การนัดพบแพทย์ครั้งแรกเป็นการปรึกษากับแพทย์ทั่วไป (General Practitioner)

“เมื่อพบว่าตั้งครรภ์ บ่อยครั้งคือการไปพบแพทย์จีพี (GP) เพื่อยืนยัน และแพทย์จะทำการประเมินเบื้องต้น ได้แก่การวัดความดัน ตรวจว่ามีโรคที่อาจกระทบการตั้งครรภ์หรือไม่ และแพทย์จีพีมักจะสั่งให้ตรวจเลือดและตรวจปัสสาวะ”

จากนั้นแพทย์จีพีจะหารือเรื่องทางเลือกการดูแลของรัฐและเอกชนกับสตรีที่ตั้งครรภ์

ศจ.เฮนรีกล่าวว่า การอัลตราซาวนด์ที่แนะนำตามแนวทางการดูแลการตั้งครรภ์คือในช่วงระหว่าง 18-20 สัปดาห์

อย่างไรก็ตามผู้หญิงหลายท่านอาจตรวจอัลตราซาวด์เพื่อคำนวณวันกำหนดคลอด (Dating scan)

“การตรวจสแกนแต่เนิ่นๆ คือการตรวจคำณวนการตั้งครรภ์ สิ่งที่มักพบในระหว่างการตรวจ เช่น ครรภ์ไม่เติบโต หรือหากโชคร้ายคือการแท้งบุตรที่ยังไม่เริ่มต้น และสิ่งสำคัญอื่นๆ ที่คุณสามารถตรวจพบได้ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์คือ การตั้งครรภ์นอกมดลูก (Ectopic pregnancy)”
pregnant woman scan
Regular screening can prevent early complications. Source: Getty / Getty Images/Chris Ryan
การตรวจสแกนครั้งต่อไปที่ผู้หญิงหลายคนอาจทำคือเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ 11-13 ของการตั้งครรภ์

ศจ.เฮนรีกล่าวว่าการแสกนนี้มีชื่อเรียกต่างกันไป เช่น “การสแกนด้วยคลื่นความถี่สูง (Neutral translucency scan)” “การตรวจสแกนในไตรมาสแรก (First trimester screening scan) หรือ “การตรวจกายวิภาคเบื้องต้น (Early anatomy scan)”

“จุดประสงค์โดยรวมของการตรวจอัลตราซาวนด์นี้คือตรวจแสกนปัญหาด้านโครโมโซม (Chromosome) โดยเฉพาะภาวะดาวน์ ซินโดรม (Down Syndrome) และเพื่อดูโครงสร้างของทารกในระยะเริ่มต้น เช่น การพัฒนาของสมอง ไต และการพัฒนาของหัวใจในระยะแรก มันเป็นการมองมองหาสิ่งต่างๆ ล่วงหน้า ก่อนที่จะดูอย่างละเอียดอีกครั้งในสัปดาห์ที่ 18-20”

ศจ.เฮนรีกล่าวว่า การตรวจสแกนสัณฐานวิทยา (Morphology scan) จะตรวจสอบโครงสร้างของทารกในช่วงอายุครรภ์ 18-20 สัปดาห์

“จากนั้นจะเป็นการแสกนในระหว่างสัปดาห์ที่ 18-20 ที่แนะนำให้ทุกคนทำ เพื่อตรวจสอบปัญหาทางกายภาพของทารกที่สำคัญ และตรวจว่ารก (Placenta) จะไม่ขวางทางหรือไม่ก่อให้เกิดปัญหาเมื่อคลอดบุตร รวมถึงการตรวจสอบความยาวของปากมดลูกเช่นกัน”
scan
Only 50-65 per cent of all structural abnormalities in the baby would be picked up at the 20 week scan. Source: Getty / Getty Images/Karl Tapales
โดยเฉลี่ย ประมาณ 50-65 เปอร์เซ็นต์ของความผิดปกติทางโครงสร้างของทารกจะถูกตรวจพบในการสแกน ช่วงสัปดาห์ที่ 20 ศจ.เฮนรีอธิบาย

“มีบางสิ่งที่เรามักพบเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่น กระดูกสันหลังบิดเบี้ยว (Spine bifida) และปัญหาเรื่องไต แต่ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ อาจไม่พบ เช่น ปัญหาเล็กๆ เรื่องหัวใจและปัญหาเรื่องกระดูก ซึ่งอาจเห็นได้ไม่ชัดเจนจนกว่าจะภายหลัง”

ศจ.เฮนรีกล่าวว่า ไม่มีการตรวจใดหรือการตรวจหลายๆ ประเภทรวมกัน ที่จะสามารถรับประกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าทารกจะมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์

อย่างไรก็ตาม การฝากครรภ์ที่ดีสามารถตรวจพบและป้องกันภาวะแทรกซ้อนหรือการแท้งบุตรในระยะเริ่มต้นได้ ดร.เมอร์โดโลกล่าว
การแท้งบุตรอาจสามารถป้องกันได้ด้วยสิ่งง่ายๆ ที่แพทย์สามารถทำได้ในช่วงเริ่มต้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมากในการพูดถึงปัญหานี้ระหว่างการตั้งครรภ์
ศจ. เฮนรี กล่าว
pregnant woman exam
Pregnant Women who don’t speak English can have an interpreter during antenatal consultation. Source: Getty / Getty Images/sturti
ดร.เมอร์โดโลแนะนำให้ผู้หญิงนัดพบแพทย์จีพีทันทีที่พบว่าตั้งครรภ์ เพราะอาจต้องใช้เวลารอ

เธอกล่าวว่า ผู้หญิงที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักมักไม่ทราบว่าพวกเขาสามารถขอล่ามได้ ในระหว่างฝากครรภ์

“หลายคนมักไม่เข้าใจและเป็นสิ่งที่ยาก เพราะบางครั้งผู้หญิงนัดพบและแพทย์ไม่สามารถหาล่ามได้ การฝากครรภ์ล่าช้าไม่ดีนัก ฉันคิดว่าการพูดคุยกับผู้ดูแลเรื่องการฝากครรภ์ถึงความสำคัญของล่าม สามารถช่วยให้พวกเขาจองล่ามเนิ่นๆ”


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 
 

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share