อะไรทำให้เป็น 'ชาวออสเตรเลียที่แท้จริง'

ผลสำรวจพบผู้อพยพที่ได้สัญชาติออสเตรเลียที่มีงานทำและทักษะภาษาอังกฤษดี จะได้รับการรับรู้ว่าเป็น "ชาวออสเตรเลียที่แท้จริง"

Victoria 190 & 490 Visa invitation February round update

Victoria 190 & 490 Visa invitation February round update Source: AAP

ผลสำรวจโดยอิปซอสส์ (Ipsos) บริษัทวิจัยตลาดและวิเคราะห์ข้อมูล ได้สำรวจถึงมุมมองต่อผู้อพยพที่ได้รับสัญชาติออสเตรเลีย โดยพบว่า ทักษะภาษาอังกฤษและการจ้างงาน ทำให้พวกเราได้รับการรับรู้ในฐานะ "ชาวออสเตรเลียที่แท้จริง"

จากการสำรวจผู้คนในออสเตรเลียกว่า 1,000 คน พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 72 เชื่อว่าผู้อพยพที่มีทักษะภาษาอังกฤษคล่องแคล่ว คือชาวออสเตรเลียที่แท้จริง เทียบกับผู้อพยพที่มีทักษะภาษาอังกฤษไม่คล่องแคล่ว ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 42

ทั้งนี้ ร้อยละ 72 ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า ผู้อพยพที่มีงานทำคือชาวออสเตรเลียที่แท้จริง โดยในส่วนของผู้อพยพที่ไม่มีงานทำ ตัวเลขลดลงมาเหลือร้อยละ 53

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยจากลักษณะเฉพาะตัวอื่นๆ ที่เก็บได้จากแบบสอบถาม อย่างเช่น ศาสนา อัตลักษณ์ทางเพศ ประวัติอาชญากรรม มุมมองทางการเมืองแบบสุดโต่ง และช่วงเวลาที่อยู่ในกองกำลังติดอาวุธ
Prime Minister Malcolm Turnbull and Governor-General Peter Cosgrove pose with new Australian citizens after an Australia Day Citizenship Ceremony and Flag Raising event in Canberra, Friday, January 26, 2018. (AAP Image/Mick Tsikas) NO ARCHIVING
นายมัลคอล์ม เทิร์นบูลล์ (กลาง) นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย และเซอร์ ปีเตอร์ คอสโกรฟ ผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ฯ จากออสเตรเลีย (ซ้าย) และชาวออสเตรเลียใหม่ หลังพิธีมอบสัญชาติและอัญเชิญธงที่นครแคนเบอร์รา เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2018 Source: AAP

เมื่อเทียบออสเตรเลียกับทั่วโลก

ผลสำรวจนี้ได้ถูกนำไปใช้ในอีก 26 ประเทศ โดยออสเตรเลียได้รับคะแนนการยอมรับเข้าสังคมโดยรวม (overall inclusiveness) อยู่ในอันดับ 5 ตามหลังประเทศอย่างแคนาดา สหรัฐอเมริกา แอฟริกาใต้ และฝรั่งเศส

อย่างไรก็ตาม ออสเตรเลียมีผู้เข้ารวมตอบแบบสอบถามมากที่สุดเป็นอันดับ 3 โดยร้อยละ 68 มีมุมมองว่า ทักษะภาษาอังกฤษของผู้อพยพที่ได้รับสัญชาติ ทำให้พวกเขามีความเป็น "คนของชาติโดยแท้จริง" โดยค่าเฉลี่ยจากทั่วโลกในส่วนนี้อยู่ที่ร้อยละ 48

นอกจากนี้ ยังพบว่า เกือบ 4 ใน 10 ของชาวออสเตรเลียนั้น ร้อยละ 38 มองว่า ผู้อพยพที่ยังไม่ได้รับสัญชาติออสเตรเลียเป็นชาวออสเตรเลียที่แท้จริง ซึ่งอยู่ในอันดับ 5 หากเทียบกับ 26 ประเทศที่ตอบแบบสอบถามนี้

คุณเดวิด เอเลียต (David Elliot) ผู้บริหารสถาบันวิจัยสังคมอิปซอสส์ (Ipsos Social Research Institute) ระบุว่า การอ้าแขนรับความแตกต่างทางศาสนาและวัฒนธรรมของชาวออสเตรเลียนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ได้น่าประหลาดใจ

"นี่ไม่ได้เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ สังคมพหุวัฒนธรรมของเราทำให้ชาวออสเตรเลียพบกับวัฒนธรรมและศาสนาที่หลากหลาย ซึ่งนั่นช่วยขับเคลื่อนการยอมรับในสังคม ซึ่งสอดคล้องกับการวิจัยการอพยพและผู้ลี้ภัยก่อนหน้านี้ของอิปซอสส์ ซึ่งเน้นให้เห็นว่า ออสเตรเลีย คือหนึ่งในหลายประเทศจากทั่วโลกที่มีความคิดในแง่บวกกับผู้อพยพและผู้ลี้ภัย" คุณเดวิดระบุ

ในขณะเดียวกัน รายงานฉบับนี้ยังระบุอีกว่า ออสเตรเลียมีแนวโน้มแบ่งแยกผู้ได้รับการแปลงสัญชาติ จากสถานะการมีงานทำ และความคล่องแคล่วของการใช้ภาษาท้องถิ่น  

"อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เรา (ชาวออสเตรเลีย) ยอมรับความแตกต่างทางศาสนาและผู้อพยพ เรากลับแสดงความคิดแง่บวกที่น้อยลงกับประชากรที่ได้รับการแปลงสัญชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษไม่คล่องแคล่ว หรือไม่มีงานทำ เช่นเดียวกับผู้อพยพระยะยาวที่ยังไม่ได้รับสัญชาติ และผู้อพยพที่เข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตอยู่ที่นี่" คุณเดวิดระบุ

ในแง่ของการมองตนเอง ออสเตรเลียอยู่ในตำแหน่งเกือบรั้งท้ายจาก 27 ประเทศ เมื่อได้รับการสอบถามว่า พวกเขามองตนเองว่าเป็นชาวออสเตรเลียที่แท้จริงหรือไม่ คุณเดวิดเชื่อว่า อัตราส่วนของผู้อพยพและเจตคติทางวัฒนธรรม อาจอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

"หลายสิ่งมีส่วนในเรื่องนี้ เช่น อัตราส่วนผู้ที่เกิดในต่างประเทศ 32% ที่มีจำนวนมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 16% รวมถึงมุมมองในแง่ลบเกี่ยวกับว่า 'ความแท้จริง' มีความหมายหรือควรจะเป็นอย่างไร บางคนก็ต้องการอยู่ให้ห่างจากเรื่องพวกนี้ หรือแม้กระทั่งลักษณะของชาวออสเตรเลียเองที่จะพูดถึงเรื่องพวกนี้น้อย กล่าวคือ เราไม่ชอบจำแนกหรือกำหนดตำแหน่งกันเอง แต่ต้องการให้คนอื่นบอกว่าเราเป็นอย่างไรมากกว่า" นายเดวิดระบุ

ความแตกต่างทางศาสนา

ผู้ตอบแบบสอบถามอย่างน้อยร้อยละ 50 มองผู้นับถือแต่ละศาสนาว่าเป็นชาวออสเตรเลียที่แท้จริง ในขณะที่ตัวเลขในส่วนของศาสนาอิสลามนั้นลดลงมาเหลือร้อยละ 48

ผู้นับถือศาสนาคริสต์มักจะได้รับการมองว่าเป็นชาวออสเตรเลียที่แท้จริงโดยส่วนใหญ่ (ร้อยละ 70) เมื่อเทียบกับผู้ไม่มีศาสนา (ร้อยละ 62) ชาวยิว (ร้อยละ 56) ชาวพุทธ (ร้อยละ 55) และชาวฮินดู (ร้อยละ 53)

ในภาพรวม ออสเตรเลียอยู่ในอันดับ 5 ในเรื่องของการยอมรับศาสนาต่างๆ ในสังคม ซึ่งตามหลังแคนาดา ฝรั่งเศส แอฟริกาใต้ และสหรัฐอเมริกา

ชาวออสเตรเลียรุ่นที่สอง

กว่าร้อยละ 75 ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า ผู้อพยพรุ่นที่สองที่เติบโตในออสเตรเลีย คือชาวออสเตรเลียที่แท้จริง ผู้มีภูมิหลังจากยุโรปและอเมริกาเหนือจะได้รับการมองว่าเป็นชาวออสเตรเลียที่แท้จริงโดยส่วนมาก ส่วมผู้มีภูมิหลังในกลุ่ม 15 ประเทศที่มี ชิลี แคนาดา และแอฟริกาใต้ เป็นหนึ่งในนั้น ตัวเลขจะอยู่ที่อย่างน้อยร้อยละ 50 ส่วนอีกกลุ่ม 7 ประเทศที่มี ญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในนั้น ตัวเลขจะอยู่ต่ำกว่าร้อยละ 50

สำหรับผู้อพยพรุ่นที่สองที่เติบโตในต่างประเทศ ได้รับการมองว่าเป็นชาวออสเตรเลียโดยแท้จริงลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 50 ซึ่งอยู่ต่ำว่าผู้ที่ได้รับการแปลงสัญชาติ ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 68

ความหลากหลายทางเพศ

ผู้ที่เป็นเกย์ เลสเบียน รักร่วมสองเพศ และคนข้ามเพศ ได้รับการมองจากคนส่วนใหญ่ที่ตอบแบบสอบถามว่าเป็นชาวออสเตรเลียที่แท้จริง (ร้อยละ 65) โดยตัวเลขในส่วนนี้สูงขึ้นในประเทศฝรั่งเศส แคนาดา ชิลี เบลเยียม และสวีเดน ซึ่ง 3 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสอบถามสนับสนุนความหลากหลายของอัตลักษณ์ทางเพศ

แต่สำหรับประเทศอย่างซาอุดิอาระเบีย มาเลเซีย และรัสเซียนั้น ประชาชนส่วนใหญ่มองว่า ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศนั้นไม่ใช่ "คนของชาติ" โดยแท้จริง

การติดต่อระหว่างประเทศ

ร้อยละ 78 ของชาวออสเตรเลียที่ตอบแบบสอบถามระบุว่า พวกเขาเคยเดินทางและอยู่อาศัยในต่างประเทศ เทียบกับค่าเฉลี่ยจากทั่วโลก (26 ประเทศ) ที่ร้อยละ 70 โดยมีเซอร์เบีย สวีเดน และเบลเยียม ขึ้นแท่นประเทศที่ประชาชนเดินทางมากที่สุด โดยตัวเลขอยู่ที่ร้อยละ 80-84  

รายงานฉบับนี้ยังระบุว่า ตัวเลขการเดินทางของชาวออสเตรเลียนั้นถือว่าสูง เทียบได้กับประเทศในยุโรป

สำหรับจำนวนชาวออสเตรเลียที่ติดต่อกับญาติที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศนั้น อยู่ในระดับเหนือกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกเล็กน้อย โดยอยู่ที่ร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ร้อยละ 33

นอกจากนี้ยังพบว่า ชาวออสเตรเลียให้การต้อนรับที่น้อยลงกับผู้ที่มีมุมมองทางการเมืองแบบสุดโต่ง (ร้อยละ 42) และผู้ที่เคยต้องโทษและถูกตัดสินจำคุก (ร้อยละ 45)

ส่วนทหารผ่านศึกนั้น ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 80 ระบุว่า เป็นชาวออสเตรเลียที่แท้จริง

ทั้งนี้ อิปซอสส์ ระบุว่า การวิจัยดังกล่าวนั้นไม่ได้รับการสนับสนุน และริเริ่มขึ้นโดยทางบริษัทเอง เนื่องจากพวกเขาสงสัยเกี่ยวกับโลกที่เราอยู่อาศัย และอยากรู้ว่าพลเมืองมีความรู้สึกและคิดอย่างไรกับโลกที่พวกเขาอาศัยอยู่


Share
Published 2 July 2018 2:56pm
Updated 2 July 2018 3:29pm
By Biwa Kwan
Presented by Tinrawat Banyat
Source: SBS News, SBS


Share this with family and friends