วิกตอเรียพบผู้ติดโควิดอีก 3 รายหลังปลดล็อกดาวน์

พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่ติดเชื้อในชุมชนอีก 3 รายในรัฐวิกตอเรีย ทำให้การติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนที่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เพิ่มเป็น 22 ราย

Daniel Andrews will remain in intensive care for the coming days after he slipped and fell on wet stairs while getting ready for work on Tuesday.

Daniel Andrews will remain in intensive care for the coming days after he slipped and fell on wet stairs while getting ready for work on Tuesday. Source: AAP

รัฐบาลวิกตอเรีย ประกาศวันศุกร์ (19 ก.พ.) ว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่ติดเชื้อในชุมชนอีก 3 รายในรัฐ ทำให้การติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนที่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เพิ่มเป็น 22 ราย

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐเผยว่า ผู้ติดเชื้อทั้ง 3 รายนี้เป็นผู้ที่กำลังกักกันโรค 14 วันที่บ้านอยู่แล้วในระหว่างที่พวกเขาอยู่ในช่วงแพร่เชื้อได้ หลังจากวิกตอเรียไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในชุมชนสองวันติดกัน

การระบาดที่เกิดขึ้นดังกล่าว เชื่อว่าเป็นเชื้อสายพันธุ์อังกฤษ ที่เรียกกันว่า บี117 (B117) ซึ่งแพร่กระจายได้ง่ายกว่าเชื้อดั้งเดิม ส่งผลให้วิกตอเรียประกาศล็อกดาวน์ทั่วทั้งรัฐทันที 5 วัน และได้ยกเลิกการล็อกดาวน์หลังเที่ยงคืนของคืนวันพุธที่ผ่านมา
การปะทุขึ้นของเชื้อที่เกิดขึ้นครั้งนี้ สามารถสาวไปถึงครอบครัวหนึ่งที่มีสมาชิก 3 คน ซึ่งพักอยู่บนชั้นสามของโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ สาขาสนามบินเมลเบิร์น

ผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 15 ราย ถูกบ่งชี้ว่าติดเชื้อสายพันธุ์ บี117 ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลทางพันธุกรรมทั้งหมดของเชื้อ

มีผู้พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ 22 รายกลุ่มนี้ ราว 3,400 คน ซึ่งยังคงแยกตัวเพื่อกักกันโรค 14 วันอยู่ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเตือนว่า น่าจะมีการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอีกในคนกลุ่มนี้

เมื่อวันพฤหัสบดี (18 ก.พ.) มีผู้ไปรับการตรวจเชื้อโควิด-19 รวม 21,292 คนในรัฐวิกตอเรีย

มีการขอร้องประชาชนที่มีอาการของโควิด-19 ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ Boronia, Carrum Downs, Caulfield, Langwarrin, St Kilda East และ Wantirna South ให้ไปรับการตรวจเชื้อโดยทันที หลังมีการพบซากของเชื้อโควิดปะปนในน้ำเสียจากพื้นที่ดังกล่าวในสัปดาห์นี้

ขณะเดียวกัน โรงพยาบาลสามแห่งของรัฐวิกตอเรียได้รับเลือกให้เป็นผู้แจกจ่ายวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) โดสแรกให้แก่เจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่ปฏิบัติงานในด่านหน้า

นายมาร์ติน โฟลีย์ รัฐมนตรีสาธารณสุขวิกตอเรีย ประกาศว่า โรงพยาบาล ออสติน เฮลท์ โรงพยาบาล โมนาช เฮลท์ และโรงพยาบาล เวสเทิร์น เฮลท์ จะเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกที่ฉีดวัคซีนให้เจ้าหน้าที่ด่านหน้าตั้งแต่วันจันทร์

เขากล่าวว่า เจ้าหน้าที่ในระบบโรงแรมที่กักกันโรคของผู้เดินทางจากต่างประเทศ เจ้าหน้าที่สนามบิน เจ้าหน้าที่ท่าเรือ เจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพด่านหน้า และเจ้าหน้าที่และผู้พักอาศัยในสถานดูแลผู้สูงอายุ จะเป็นกลุ่มคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนให้ก่อน

รัฐบาลสหพันธรัฐ จัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ 12,000 โดสให้แก่รัฐวิกตอเรียในสัปดาห์แรกของการเริ่มฉีดวัคซีนโควิด

คาดว่าจะมีวัคซีนอีก 59,000 โดสที่ถูกแบ่งให้วิกตอเรียในช่วง 4 สัปดาห์แรกของโครงการฉีดวัคซีน

วัคซีนของไฟเซอร์นี้ฉีดห่างกันอย่างน้อย 3 สัปดาห์ระหว่างโดสแรกและโดสที่สอง และวัคซีนต้องถูกเก็บและถูกจัดส่งที่อุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส


ประชาชนในออสเตรเลียต้องอยู่ห่างกับผู้อื่นอย่างน้อย 1.5 เมตร 

หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้อยู่บ้านและติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080

คุณอาจสังเกตว่า เอสบีเอส ไทย ไม่มีความเคลื่อนไหวบนเฟซบุ๊ก แต่คุณยังสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเรา ได้ที่เว็บไซต์  บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้ท่านพลาดสถานการณ์ล่าสุด

นอกจากนี้ คุณยังสามารถรับฟังข่าวสารล่าสุดเป็นภาษาไทยผ่านทางวิทยุออนไลน์ได้ที่แอปฯ SBS Radio

Share
Published 19 February 2021 12:11pm
Updated 12 August 2022 3:11pm
By SBS News, Maani Truu
Source: AAP, SBS


Share this with family and friends