คนส่งอาหารถูกมองข้าม สหภาพขนส่งชงรัฐเปิดทางให้ฉีดวัคซีน

สหภาพแรงงานขนส่งห่วงพนักงานส่งอาหารที่ทำงานช่วงล็อกดาวน์ซิดนีย์ เสี่ยงติด-แพร่เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา เสนอรัฐบาลจัดประเภทเป็นคนทำงานที่มีความจำเป็น เปิดทางให้รับการฉีดวัคซีนได้เร็วขึ้น

A food delivery worker wearing a face mask in the central business district in Sydney, Monday, June 28, 2021.

A food delivery worker wearing a face mask in the central business district in Sydney, Monday, June 28, 2021. Source: AAP

ประเด็นสำคัญ

  • สหภาพแรงงานคมนาคมขนส่งชี้ คนส่งอาหารตามบ้านเป็นที่พึ่งสำคัญของร้านอาหารให้อยู่รอดช่วงล็อกดาวน์ แต่เผชิญกับความเสี่ยงโควิดลำพัง เสนอรัฐบาลจัดให้อยู่ในกลุ่มคนทำงานที่จำเป็น เพื่อให้ได้รับวัคซีนเร็วขึ้น
  • นักระบาดวิทยาห่วงเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาแพร่กระจายมากขึ้น หากคนส่งอาหารไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
  • ผู้ที่หน่วยงานสาธารณสุขสั่งให้กักตัว 14 วัน สามารถเข้าถึง $1,500 ดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงผู้ถือวีซ่าชั่วคราว

สหภาพแรงงานคมนาคมขนส่ง ได้เรียกร้องให้ผู้ขับขี่ให้กับบริการแอปพลิเคชันสั่งอาหาร ได้รับการจัดลำดับความสำคัญในการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกับคนทำงานด่านหน้า (Frontline Worker) หลังพบความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากไวรัสสายพันธุ์เดลตา ซึ่งทำให้ประชาชนในรัฐนิวเซาท์เวลส์กว่า 5 ล้านคน อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์

ความต้องการในการสั่งอาหารในพื้นที่เกรทเทอร์ ซิดนีย์ (Greater Sydney) วูลลองกอง (Woollongong) เชลล์ฮาเบอร์ (Shellharbour) บลูเมาน์เทนส์ (Blue Mountains) และเซนทรัล โคสท์ (Central Coast) กำลังเพิ่มมากขึ้น หลังถูกจำกัดให้ขายอาหารเฉพาะแบบนำกลับบ้านเท่านั้น ขณะที่ นางกลาดีส์ เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ได้ขอให้ประชาชนลดการเคลื่อนไหวภายในชุมชน

ในแต่ละคืน มีผู้ขับขี่สำหรับแอปพลิเคชันต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนมากไม่มีสิทธิ์ในการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ทำงานในช่วงที่คำสั่งให้อยู่แต่ในบ้าน (stay-at-home order)

นายนิก แมคอินทอช (Nick McIntosh) ผู้ช่วยเลขาธิการระดับชาติชาติ สหภาพแรงงานคมนาคมขนส่ง (Transport Workers Union) กล่าวกับเอสบีเอส นิวส์ ว่า สมาชิกสหภาพ ฯ ได้แสดงความกังวล “อย่างมาก” สำหรับสุขภาพของพวกเขาระหว่างปฏิบัติงานในช่วงล็อกดาวน์

“เราตกอยู่ในจุดที่คนทำงานซึ่งมีความจำเป็นถูกมองข้าม และต้องทำงานอยู่ในจุดเดียวกับคนทำงานด่านหน้า ระหว่างที่การระบาดของไวรัสแพร่กระจายออกไป”

“พวกเขากังวลว่า จะไม่ได้รับการจัดลำดับความสำคัญในคิวรอฉีดวัคซีน ไม่ได้รับการจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) โดยบริษัทที่พวกเขาทำงานให้ และไม่ได้รับการจ่ายค่าตอบแทนหรือการสนับสนุนใด ๆ เมื่อต้องลาป่วย” นายแมคอินทอช กล่าว

นายแมคอินทอช กล่าวว่า บรรดาผู้ขับขี่ต่างกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับการสูญเสียตำแหน่งงาน หากพวกเขามีอาการของไวรัสโควิด-19 หรือได้รับการระบุว่าเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด

เขากล่าวอีกว่า ผู้ขับขี่จำนวนมากเป็นผู้อพยพย้ายถิ่น หรือไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรก ซึ่งสร้างความท้าทายในการสื่อสารในด้านสาธารณสุข

ผู้ใดก็ตามในออสเตรเลียที่ได้รับคำสั่งให้กักกันตนเองเป็นเวลา 14 วัน จากหน่วยงานด้านสาธารณสุข จะสามารถเข้าถึง จำนวน $1,500 ดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงผู้ถือวีซ่าชั่วคราวที่ได้รับสิทธิให้ทำงานได้ในออสเตรเลียด้วย
ความเสี่ยงของผู้ขับขี่ส่งอาหารตามบ้านนั้นเพิ่มสูงขึ้น จากเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่สามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหน่วยงานด้านสุขภาพบางส่วนได้เตือนว่า เชื้อดังกล่าวสามารถแพร่ระบาดได้ผ่านการพบปะกันเพียงชั่วครู่ (fleeting contact)

ศาสตราจารย์เอเดรียน เอสเตอร์แมน (Prof Adrian Esterman) นักระบาดวิทยาในสังกัดมหาวิทยาลัยเซาท์ออสเตรเลีย (University of South Australia) กล่าวว่า ผู้ขับขี่ส่งอาหารตามบ้าน มีความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นที่จะได้รับเชื้อ รวมถึงการแพร่เชื้อโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยเฉพาะเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้ง่ายมาก”

“หากใครสักคนไปไหนมาไหน และใช้พื้นที่ทั่วไปในที่สาธารณะ แน่นอนว่าพวกเขาคือความเสี่ยง เราคาดหวังว่า พวกเขาจะสวมใส่หน้ากากอนามัย ถุงมือ และป้องกันไว้ล่วงหน้า” ศาสตราจารย์เอสเตอร์แมน กล่าว

ศาสตราจารย์เอสเตอร์แมน กล่าวกับเอสบีเอส นิวส์ ว่า เขาต้องการให้มีการกำหนดให้ผู้ขับขี่ส่งอาหารตามบ้านนั้น ได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่มคนทำงานวิกฤตและมีความเสี่ยงสูง (critical and high risk) ซึ่งจะเปิดโอกาสให้พวกเขาได้เข้าถึงวัคซีนโควิด-19 เช่นเดียวกับคนทำงานด่านหน้า และคนทำงานด้านสุขภาพ

นอกจากนี้ สหภาพแรงงานคมนาคมขนส่ง ยังต้องการให้มีการขยายกลุ่มคนทำงานวิกฤตและมีความเสี่ยงสูงได้รับการขยายออกไป โดยระบุถึงบทบาทสำคัญของคนทำงานในส่วนนี้ ที่ทำให้ธุรกิจบริการยังคงเปิดให้บริการได้ในช่วงล็อกดาวน์

“ปัญหาที่เรามี เมื่อเรามีจำนวนวัคซีนที่จำกัด นั่นคือการที่คนทำงานซึ่งมีความจำเป็นเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงคนทำงานในกิ๊กอิโคโนมี ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ต้องการฉีดวัคซีนมากที่สุด มันคือความล้มเหลวอย่างยิ่ง” นายแมคอินทอช กล่าว

“ทุกคนต้องพึ่งพาพวกเขาในการส่งอาหาร ร้านอาหารก็ต้องพึ่งพาพวกเขาเพื่อให้อยู่รอด พวกเขาต้องทำงานอยู่นอกบ้านทุกวัน พวกเขาคือคนที่ไปพบปะกับประชาชนในพื้นที่ฮฮตสปอต ท่ามกลางการระบาดใหญ่นี้ แต่ว่าพวกเขาไม่ได้รับความสำคัญ”

วานนี้ (7 ก.ค.) นายจอช ฟรายเดนเบิร์ก รัฐมนตรีการคลังออสเตรเลีย กล่าวว่า ได้หารือกับบริษัทต่าง ๆ ในเรื่องแผนที่จะให้ธุรกิจต่าง ๆ เข้าร่วมกับโครงการฉีดวัคซีนของประเทศ เพื่อเพิ่มจำนวนการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน

ระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน นายฟรายเดนเบิร์ก ไม่ได้มีการพูดถึงข้อเสนอในการขับเคลื่อนการฉีดวัคซีนให้กับคนทำงานชั่วคราว (แคชวล) และคนทำงานในกิ๊กอิโคโนมี เช่น พนักงานขับขี่ส่งอาหารตามบ้าน  

นายฟรายเดนเบิร์ก ได้ชี้ว่า การขยายการผนวกรวมธุรกิจต่าง ๆ ในโครงการฉีดวัคซีนนั้น จะขึ้นอยู่กับการเพิ่มจำนวนวัคซีนของไฟเซอร์ในสต๊อก ซึ่งคาดว่าจะมาถึงออสเตรเลียเพิ่มตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน – ตุลาคมนี้

“ขณะที่มีวัคซีนมาเพิ่มในสต๊อกมากขึ้น บรรดาธุรกิจต่าง ๆ จะมีบทบาทที่สำคัญ” นายฟรายเดนเบิร์ก กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายฟรายเดนเบิร์ก ได้ปฏิเสธในประเด็นที่ว่า รัฐบาลประวิงเวลาในการควบรวมธุรกิจขนาดใหญ่เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในโครงการฉีดวัคซีนของประเทศ

มันขึ้นอยู่กับการได้รับวัคซีนในสต๊อกให้มากขึ้น เรากำลังเปิดตัววัคซีนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

นายแมคอินทอช กล่าวว่า บริษัทให้บริการแอปพลิเคชันส่งอาหารรายใหญ่อย่างอูเบอร์ (Uber) และเดลิเวอรู (Deliveroo) จะต้องรับผิดชอบในการปกป้องพนักงาน ซึ่งรวมถึงการจูงใจและช่วยให้พวกเขาได้รับการฉีดวัคซีน

“แน่นอน บริษัทเหล่านี้มีภาระผูกพันที่ต้องรับผิดชอบ และรายได้ของพวกเขาก็มีเป็นล้าน ๆ ดอลลาร์”

“มันไม่ดีเลย ที่คุณจะไม่ได้รับการจ่ายค่าตอบแทนในการลาหยุดเพื่อไปรับการฉีดวัคซีน รวมถึงหากไม่ได้รับการชดเชย หากคุณเกิดการเจ็บป่วยจากการไปรับการฉีดวัคซีน”

“แล้วแรงจูงใจให้กับพนักงานชั่วคราว และคนทำงานในธุรกิจกิ๊กอิโคโนมี ให้ไปรับการฉีดวัคซีนนั้นอยู่ที่ใด” นายแมคอินทอช กล่าว


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 
เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย

ชาวออสฯ อายุต่ำกว่า 40 ลุ้นฉีด ‘ไฟเซอร์-โมเดอร์นา’ ปลายปี


Share
Published 8 July 2021 1:11pm
Updated 8 July 2021 1:22pm
By Naveen Razik
Presented by Tinrawat Banyat


Share this with family and friends