เผยรายงานการไต่สวนฯ ธนาคารฉบับบริบูรณ์แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป?

NEWS: มีวันประชุมรัฐสภาฯ เหลือไม่มากก่อนการเลือกตั้ง ระยะเวลาเพื่อออกกฎหมายปฏิรูปฯ จึงกระชั้นมาก

You can read the full version of this story in English on SBS News .

ลักษณะของการประพฤติมิชอบที่ซ้ำๆ และทำเป็นระบบ ตลอดจนการปฏิบัติต่อผู้บริโภคอย่างย่ำแย่ถูกเปิดเผยในการไต่สวนหาความจริงสาธารณะโดยกรรมาธิการแห่งพระองค์ซึ่งกินเวลาหนึ่งปี

ข้อแนะนำต่างๆ ใน ได้มุ่งเน้นเรื่องการยุติการขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินซึ่งไม่เป็นที่ต้องการ การระงับผลตอบแทนต่อคนกลางเช่นนายหน้าเงินกู้อสังหาฯ ที่มีความขัดแย้งในแง่ผลประโยชน์ และการบังคับใช้มาตรฐานต่างๆ ตามกฎหมายอย่างดีขึ้นกว่าเดิม



รัฐมนตรีคลัง นายจอช ฟรายเดนเบิร์ก กล่าวว่า รัฐบาลกำลังดำเนินการเพื่อฟื้นฟูความไว้วางใจของชุมชนต่อภาคส่วนการเงิน เขากล่าวว่า

“ข้อความของผมต่อภาคส่วนการเงินในวันนี้ก็คือ การประพฤติมิชอบจำเป็นจะต้องยุติลง และคุณต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นอันดับแรก จำเป็นจะต้องมีการปฏิบัติต่อผู้บริโภคอย่างซื่อสัตย์และเป็นธรรม”

สิ่งที่พบจะมีความหมายอย่างไรต่อผู้ตกเป็นเหยื่อการประพฤติมิชอบโดยธนาคาร

รัฐบาลสหพันธรัฐได้สัญญาที่จะก่อตั้งโครงการเยียวยาให้กับผู้ไม่มีช่องทางอื่น โดยจะใช้เงินสนับสนุนจากอุตสาหกรรมการเงิน โครงการดังกล่าวจะยังจัดสรรเงินจำนวน $30 ล้านดอลลาร์ ให้กับผู้บริโภคจำนวน 300 ราย เกี่ยวกับคำร้องเรียนเก่าที่มีอยู่แล้วแต่เดิม

มีคณะบุคคลจำนวนยี่สิบสี่ราย ที่ถูกส่งต่อให้กับคณะกรรมาธิการด้านหลักทรัพย์และการลงทุนแห่งออสเตรเลีย (ASIC) ในเรื่องความเป็นไปได้ที่จะตั้งข้อหาทางอาชญากรรม คณะบุคคลดังกล่าวนั้นรวมถึงธนาคารหลักทุกๆ แห่งไม่ว่าจะโดยตรงหรือผ่านทางบริษัทลูก ยกเว้นธนาคารเวสต์แพค โดยรัฐมนตรีคลัง นายฟรายเดนเบิร์กกล่าวว่า เขารู้สึกมั่นใจว่า “ASIC จะทำหน้าที่”

ทนายความบริษัทสเลเตอร์แอนด์กอร์ดอน นายเบน ฮาร์ดวิก กล่าวว่า เขาคาดว่าจะมีการรวมตัวกันฟ้องร้องเกิดขึ้น จากการประพฤติมิชอบของธนาคารในหลายๆ กรณี ที่ได้รับการเปิดโปงโดยการไต่สวนหาความจริงดังกล่าว

“การไต่สวนหาความจริงสาธารณะโดยกรรมาธิการแห่งพระองค์ได้แสดงให้เห็นถึงความประพฤติในลักษะที่พวกเรานั้นกำลังสืบสวนกันอยู่เลยทีเดียว” นายฮาร์ดวิกกล่าวโดยอ้างอิงถึงการรวมตัวกันฟ้องร้องซึ่งเริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่เดือนกันยายนและตุลาคมเมื่อปีที่ผ่านมา ต่อธนาคารซีบีเอ (CBA) และ แนบ (NAB) ตามลำดับ

โดยเขากล่าวว่า ความสำเร็จของการรวมกันฟ้องร้องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อวัฒนธรรมองค์กรของธนาคาร ในประเด็นต่างๆ เช่นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ตู้เอทีเอ็มกับลูกค้าธนาคารของธนาคารคู่แข่ง
Westpac CEO Brian Hartzer (top left), National Australia Bank CEO Andrew Thorburn (top right), CBA CEO Matt Comyn (bottom left) and ANZ CEO Shayne Elliott.
Bank CEOs attend the Royal Commission from top left to right: Westpac's Brian Hartzer, NAB's Andrew Thorburn, CBA's Matt Comyn and ANZ's Shayne Elliott. Source: AAP

สิ่งที่พบจะมีความหมายอย่างไรต่อผู้บริโภค

รัฐบาลกล่าวว่า จะมีการเริ่มสั่งห้ามการให้ผลตอบแทนแก่นายหน้าเงินกู้อสังหาริมทรัพย์และที่ปรึกษาทางการเงินซึ่งมีความขัดแย้งในแง่ผลประโยชน์(กับผู้บริโภค) ค่านายหน้าที่ได้รับเรื่อยๆ ตามค่างวด และเงินโบนัสสำหรับจำนวนยอดที่ปล่อยกู้ได้ก็จะถูกสั่งห้ามภายใต้กฎหมายซึ่งรัฐบาลกล่าวว่าต้องการจะให้เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม ปี 2020

แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านธรรมาภิบาลบริษัท นางเฮเลน เบิร์ด จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสวินเบิร์นกล่าวว่า ความล่าช้านั้นจะหมายถึงกรณีต่างๆ ของการประพฤติมิชอบโดยธนาคารที่จะยังเกิดขึ้นได้ในระหว่างนี้

“นั่นเป็นระยะเวลายาวนานสำหรับใครสักคนซึ่งได้รับผลกระทบ ที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นขึ้น โดย[การปฏิรูปกฎหมาย]ในบางส่วนนั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้า”

รัฐมนนตรีคลัง นายฟรายเดนเบิร์กกล่าวว่ารัฐบาลผูกมัดที่จะนำข้อแนะนำทั้ง 76 ข้อในรายงานฉบับบริบูรณ์ ไปปฏิบัติใช้ แต่ก็ไม่ถึงกับจะสนับสนุนข้อแนะนำที่ว่าให้ผู้บริโภคนั้นชำระค่าธรรมเนียมเองตั้งแต่แรกให้กับนายหน้าเงินกู้อสังหาฯ

ซึ่งหากมีความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ก็จะเป็นการยุติการที่เงินค่านายหน้านั้นมาจากทางธนาคาร จึงก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับตัวนายหน้าเงินกู้อสังหาฯ

ด้านกลุ่มผู้บริโภค CHOICE ก็กล่าวว่า รายงานของการไต่สวนหาความจริงได้เป็นตัวแทนของสิ่งที่เรียกว่า "จุดเปลี่ยนอันสำคัญ" สำหรับอุตสาหกรรม(การเงินและการธนาคาร)

โดย CHOICE กล่าวว่า ทางกลุ่มหวังที่จะให้ภาคส่วนดังกล่าวยอมรับข้อแนะนำทั้งหมด และปฏิบัติด้วยความสัตย์ตรงในการนำข้อแนะนำเหล่านั้นไปใช้

นาง Anna Bligh ผู้บริหารสูงสุดของสมาคมธนาคารแห่งออสเตรเลีย หรือ Australian Banking Association ยืนวันว่า รายงานดังกล่าวนั้นจะได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง โดยเธอกล่าวว่า

“ดิฉันสามารถเข้าใจได้ถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่ผู้คนเป็นจำนวนมากนั้นรู้สึกเคลือบแคลงใจว่าธนาคารต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ ดิฉันอยากจะขอพูดกับคนเหล่านี้ว่า: 'อย่าตัดสินธนาคารต่างๆ จากสิ่งที่พวกเขาพูด แต่ตัดสินจากการกระทำต่างๆ ในช่วงเวลาอีกหลายสัปดาห์ข้างหน้านี้ ในอีกหลายๆ เดือนข้างหน้านี้ ในการที่พวกเขานั้นจะนำรายงานนี้ไปปฏิบัติใช้'”

สิ่งที่พบจะมีความหมายอย่างไรต่ออุตสาหกรรมบริการการเงิน

สมาคมนายหน้าทางการเงินแห่งออสเตรเลีย (Finance Broker Association of Australia) กล่าวว่า ทางสมาคมวิตกว่าการห้ามรับเงินค่านายหน้าเรื่อยๆ ตามค่างวดนั้น ในท้ายที่สุดแล้วจะทำให้ราคาบ้านเพิ่มสูงขึ้น

“เรื่องนี้อาจบังคับให้มีการจ่ายค่านายหน้าเป็นเงินก้อนใหญ่แต่แรก เพื่อชดเชยรายรับที่ลดลงในส่วนของค่านายหน้า ซึ่งต่อมาก็จะทำให้มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและทำให้ปัญหาราคาบ้านสูงเกินเอื้อมนั้นยิ่งยากลำบากขึ้น” นายปีเตอร์ ไวท์ ผู้อำนวยการของกลุ่มดังกล่าวชี้แจง

สมาคมการธนาคารแห่งออสเตรเลีย ยังอธิบายถึงการสั่งห้ามจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับนายหน้าเงินกู้อสังหาฯ ว่า “สุดโต่ง” และกล่าวว่าทางสมาคมจะใช้เวลาในการตรวจสอบข้อแนะนำและการตอบสนองของรัฐบาล

ด้านพรรคกรีนส์กล่าวว่า ทางพรรคต้องการจะเห็นความเปลี่ยนแปลของระบบมากยิ่งกว่าที่รายงานฉบับบริบูรณ์ได้เรียกร้อง เช่นการแบ่งแยกธนาคารต่างๆ ออกเป็นธนาคารค้าปลีก ธนาคารเพื่อการลงทุน และสาขาต่างๆ ด้านบริหารสินทรัพย์

ส่วน ดร. แอนดรูว์ แกรนต์ อาจารย์อาวุโสจากคณะธุรกิจมหาวิทยาลัยซิดนีย์กล่าวว่า แต่เดิมนั้นมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของรายงานฉบับบริบูรณ์ต่อเงินเครดิตให้กู้ที่จะไหลเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ แต่ข้อแนะนำต่างๆ และการตอบสนองของรัฐบาลนั้นก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นไปด้วยความใจเย็นมากกว่าที่คาดกัน

“มีเส้นบางๆ คั่นอยู่ และมีความจำเป็นที่จะต้องถ่วงดุล ว่าเรานั้นต้องการให้กฎต่างๆ ต่อสถาบันทางการเงินของเราเข้มงวดเพียงใด และต่อการที่ว่าเรื่องดังกล่าวนั้นจะใช้ได้สำหรับประชาชนทั่วไปและตลาด(การเงิน)โดยรวมหรือไม่” ดร. แกรนต์ กล่าว
ติดตามฟังรายการ เอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  ทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี เวลา 22.00 น.

ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ .

Share
Published 5 February 2019 12:23pm
Updated 12 August 2022 3:33pm
By Biwa Kwan, SBS Newsroom
Presented by Tanu Attajarusit
Source: SBS News, AAP


Share this with family and friends