สกอตต์ มอร์ริสัน เตือนผู้นำรัฐและมณฑลเรื่องข้อตกลงการเปิดเมือง

นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน กล่าวว่า ออสเตรเลียจำเป็นต้องเปลี่ยนจุดสนใจมาเป็นจำนวนผู้ที่ป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล แทนจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ขณะข้อตกลงระหว่างรัฐและสหพันธรัฐเรื่องการเปิดเมืองเริ่มร้าวฉาน

Prime Minister Scott Morrison.

Prime Minister Scott Morrison. Source: AAP

นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ประกาศว่า การล็อกดาวน์นั้นไม่สามารถทำได้อย่างยั่งยืน เมื่อเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรอย่างกว้างขวางบรรลุผลแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวเตือนมุขมนตรีและหัวหน้ารัฐมนตรีของรัฐและมณฑลต่างๆ อีกครั้ง

นายกรัฐมนตรียังคงกดดันต่อเนื่องสำหรับรัฐบาลรัฐที่กล่าวเป็นนัยว่า อาจไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่จะยุติการล็อกดาวน์ และเริ่มการเปิดเมืองในออสเตรเลีย

คณะผู้นำรัฐและมณฑลต่างๆ ของออสเตรเลียได้กำหนดเกณฑ์จำนวนประชากรที่ต้องได้รับการฉีดวัคซีนเสียก่อน โดยเริ่มต้นที่ร้อยละ 70 และ 80 เพื่อลดความเป็นไปได้ของการล็อกดาวน์และเริ่มก้าวเข้าสู่การดำเนินชีวิตที่เป็นปกติมากขึ้น

นายมอร์ริสัน กล่าวว่า จุดสนใจจะเปลี่ยนไปเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อที่ป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล แทนที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน เมื่อบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนแล้ว

“นั่นคือเป้าหมายของเรา ซึ่งก็คือการอยู่ร่วมกับเชื้อไวรัสนี้ ไม่ใช่อยู่อย่างหวาดกลัวมัน” นายมอร์ริสัน บอกกับผู้สื่อข่าวในกรุงแคนเบอร์ราในวันจันทร์ (23 ส.ค.)

ฉันทามติในหมู่คณะผู้นำรัฐและมณฑลต่างๆ เริ่มจางหายไป เมื่อเวสเทิร์นออสเตรเลียไม่ยอมเปลี่ยนแปลงเป้าหมายของตนที่จะให้จำนวนผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ และควีนส์แลนด์เตือนว่าจะไม่ยอมเปิดพรมแดนที่อยู่ติดกับนิวเซาท์เวลส์ แม้จำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วจะสูงกว่าที่กำหนดไว้ในขั้นต้น
แบบจำลองสถานการณ์ของสถาบันโดเฮอร์ตี (Doherty) ฉบับปรับปรุงใหม่จะถูกเสนอต่อที่ประชุมคณะผู้นำรัฐและมณฑลต่างๆ ในวันศุกร์นี้

นายมอร์ริสัน กล่าวว่า ข้อจำกัดอย่างเข้มข้น ที่กำลังใช้บังคับกับประชากรออสเตรเลียกว่าครึ่งหนึ่งอยู่ขณะนี้ ทั่วทั้งรัฐวิกตอเรีย นิวเซาท์เวลส์ และเอซีทีนั้น ไม่สามารถใช้บังคับได้ตลอดกาล

“มักต้องมีความมืดมิดก่อนรุ่งอรุณเสมอ และผมคิดว่าการล็อกดาวน์ต่างๆ เหล่านี้แสดงให้เห็นในเรื่องนี้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

“แต่รุ่งอรุณนั้นอยู่อีกไม่ไกล เราไม่ควรรั้งรอ เราควรเตรียมพร้อม เราไม่ควรหวาดกลัวมัน เราควรยอมรับมัน และเราควรก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน”

ประธานเจ้าหน้าที่การแพทย์ของสหพันธรัฐ คือ ศ.พอล เคลลี เชื่อว่า การกำจัดไม่ให้มีผู้ติดเชื้อเลยนั้นไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ตลอดไปในระยะยาว

ศ.เคลลี กล่าวว่า แม้แต่นิวซีแลนด์ ซึ่งพยายามบรรลุเป้าหมายของการกำจัดเชื้อให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง กำลังรับมือกับการระบาดที่เกิดขึ้นในนครโอ๊คแลนด์ (Auckland) ขณะนี้

“คณะที่ประชุมผู้นำรัฐและมณฑลต่างทั้งหมด รวมทั้งมุขมนตรีเวสเทิร์นออสเตรเลียได้ลงนามในแผนนั้นเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา” ศ.เคลลี กล่าว
นายริดชาร์ มาร์ลส์ รองหัวหน้าพรรคแรงงานของสหพันธรัฐ ขอให้นายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นผู้นำมากกว่านี้

“ที่เรามีการอภิปรายกันในเรื่องนี้ขณะนี้ เพราะเราไม่มีความเป็นผู้นำจากรัฐบาลสหพันธรัฐ” นายมาร์ลส์ บอกกับ สกาย นิวส์

“สกอตต์ มอร์ริสัน ได้หายหน้าไป และเขากำลังประสบความยากลำบากที่จะทำให้รัฐและมณฑลต่างๆ ทั้งหมดมีความเห็นที่ตรงกัน”

นายอลัน จอยซ์ ผู้บริหารของสายการบินควอนตัส กล่าวว่า “คงจะเป็นสิ่งที่เสียดายอย่างเลวร้าย” หากไม่มีการรักษาสัญญาดังกล่าว และกล่าวท้าทายให้มุขมนตรีรัฐต่างออกมาอธิบายว่า ประชาชนจะกลับไปดำเนินชีวิตตามปกติได้อย่างไร

“จะเกิดปฏิกิริยาอย่างรุนแรง หากผู้คนอาจสามารถเดินทางไปกรุงลอนดอนได้และไปเยี่ยมญาติที่นั่นได้ในช่วงคริสต์มาส แต่ไม่สามารถเดินทางไปนครเพิร์ทเพื่อไปเยี่ยมญาติที่นั่นได้” นายจอยซ์ บอกกับเอบีซี

ออสเตรเลียได้ฉีดวัคซีนครบสองโดสให้แก่ร้อยละ 30 ของประชาชนที่อายุ 16 ปีและมากกว่า ขณะที่ร้อยละ 52 ของประชากรกลุ่มนี้ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วหนึ่งโดส


คุณสามารถอ่านข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นภาษาไทยได้

หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 



Share
Published 23 August 2021 3:19pm
By SBS News
Presented by Parisuth Sodsai
Source: AAP, SBS


Share this with family and friends