มีรายงานฉบับล่าสุดที่เตือนว่า มหาวิทยาลัยหลายแห่งในออสเตรเลียพึ่งพารายได้จากประเทศจีนอย่างมาก ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงทางการเงินของมหาวิทยาลัยในอนาคต ท่ามกลางความกังวลของรัฐบาลสหพันธรัฐถึงอิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีต่อมหาวิทยาลัยในออสเตรเลีย
อุตสาหกรรมการศึกษาในออสเตรเลียกำลังเติบโต และสามารถสร้างมูลค่าส่งออกได้เป็นอันดับ 3 รองลงมาจากแร่เหล็กและถ่านหิน แต่อย่างไรก็ตาม รายงานจากศูนย์การเรียนรู้อิสระ (Centre of Independent Studies) ได้เตือนมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียว่า กำลังรับนักศึกษาจากต่างชาติในจำนวนที่ “ไม่ยั่งยืน”
ศาสตราจารย์ซัลวาทอร์ บาโบเนส (Salvatore Babones) ผู้จัดทำรายงานฉบับนี้ได้ระบุว่า จำนวนนักศึกษาจากจีนในขณะนี้สร้างปัจจัยเสี่ยงให้กับอุตสาหกรรมการศึกษาของออสเตรเลีย
ทั้งนี้ รายงานฉบับดังกล่าวได้มองลงไปยังมหาวิทยาลัยชั้นนำในออสเตรเลีย 7 แห่ง ซึ่งเป้นที่นิยมของบรรดานักศึกษาชาวจีน โดยมีมหาวิทยาลัยในเมลเบิร์น ซิดนีย์ แอดิเลด และควีนส์แลนด์ เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (The Australian National University) มหาวิทยาลัยแห่งนิวเซาท์เวลส์ (University of New South Wales) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีซิดนีย์ (University of Technology Sydney)
โดยทั้ง 7 มหาวิทยาลัยนี้ รายงานฉบับดังกล่าวได้ระบุว่า พิ่งพารายได้จากนักศึกษาชาวจีนเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า แต่ละมหาวิทยาลัยที่รายงานได้วิเคราะห์ มีอัตราส่วนนักศึกษาชาวจีนต่อนักศึกษาจากชาติอื่นๆ ในระดับสูงมาก ซึ่งมากกว่าทุกมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา โดยนักศึกษาชาวจีนคิดเป็นร้อยละ 50 ของนักศึกษาจากต่างชาติ และคิดเป็นร้อยละ 10 ของจำนวนนักศึกษาทั้งหมด
แม้ความหลากหลายทางวัฒนธรรมจะเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ศาสตราจารย์บาโบเนสกล่าวว่า มหลาวิทยาลัยในออสเตรเลียกำลังทำให้ตนเองอยู่ในความเสี่ยง
“ความเสี่ยงอย่างสังเขปก็คือ พวกเขา (นักศึกษาชาวจีน) สามารถออกจากมหาวิทยาลัย ด้วยเหตุผลทางการเมือง หรือเหตุผลด้านชื่อเสียง แต่มันเป็นไปได้มากที่สุดว่าปัญหาอาจเป็นเรื่องทุนทรัพย์ เราเห็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งสร้างแรงกดดันให้กับเศรษฐกิจจีนและค่าเงินหยวน และอาจส่งผลกระทบต่อมหาวิทยาลัยในออสเตรเลีย จากการถอดตัวออกของนักศึกษาชาวจีน” ศาสตราจารย์บาโบเนสกล่าว
ด้าน นางคาทรีโอนา แจ็คสัน จากมหาวิทยาลัยแห่งออสเตรเลีย กล่าวว่า นักศึกษาจากต่างชาตินั้นเติมเต็มคุณค่าทางวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยในประเทศ
“การศึกษาต่างชาตินั้นคือเรื่องราวความสำเร็จที่ดีของออสเตรเลีย ด้วยเวลากว่า 50 ปี เราได้ยกระดับคุณภาพการศึกษา ทั้งสำหรับนักศึกษาท้องถิ่น และนักศึกษาจากต่างชาติ” นางแจ็คสันกล่าว
อย่างไรก็ตาม การเผชิญหน้าระหว่างนักศึกษาจากจีนแผ่นดินใหญ่ และชาวฮ่องกงผู้สนับสนุนประชาธิปไตย ได้ทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงอิทธิพลของจีนในออสเตรเลีย โดยการออกมาเดินขบวนของผู้สนับสนุนรัฐบาลจีน ได้สร้างความกังวลให้กับนักการเมืองในรัฐบาลสหพันธรัฐ ถึงอิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีต่อมหาวิทยาลัยในออสเตรเลีย
นายแอนดริว นอร์ตัน จากสถาบันแกรทแทน (Grattan Institute) กล่าวว่า ยิ่งจำนวนนักศึกษาจากต่างชาติเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ อิทธิพลจากพวกเขาก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
“ในมหาวิทยาลัยต่างๆ มีนักศึกษาต่างชาติเป็นจำนวนมาก พวกเขาเริ่มได้รับเลือกเป็นประธานนักศึกษา และที่มหาวิทยาลัยซิดนีย์ พวกเขาได้เข้ามามีอำนาจในสภานักศึกษา นั่นหมายความว่ามุมมองที่สะท้อนวิสัยทัศน์ของรัฐบาลจีน อาจสะท้อนเป็นภาพเดียวกันในเรื่องการเมืองของนักศึกษา” นายนอร์ตันกล่าว
ด้านมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้รายงานดังกล่าว โดยระบุว่า นักศึกษาต่างชาติเป็นกุญแจสำคัญในวาระนโยบายระหว่างประเทศของออสเตรเลีย และทางสถาบันกำลังสร้างความหลากหลายให้กับฐานนักศึกษาต่างชาติ โดยเพิ่มอัตรารับเข้านักศึกษาจากประเทศอื่นๆ
แอบบีย์ (Abbey) ตัวแทนสภานักศึกษามหาวิทยาลัยซิดนีย์กล่าวว่า มุมมองข้างต้นไม่ได้มองนักศึกษาว่าเป็นปักเจกชน
“ที่นี่มีนักศึกษาชาวจีนจำนวนมากที่ถือพาสปอร์ตจีนแผ่นดินใหญ่ แต่สื่อก็ไม่ควรที่จะตีตราพวกเขาว่าเข้าไปข้องเกี่ยวกับคนเพียงกลุ่มเดียวที่มีจุดมุ่งหมายเหมือนกันหมด เราควรเคารพเสียงของแต่ละบุคคล และความเห็นของพวกเขาเอง” แอบบีย์กล่าว
นายแดน เทฮัน (Dan Tehan) รัฐมนตรีศึกษาธิการแห่งสหพันธรัฐ กล่าวว่า ทั้งหมดทั้งมวลนั้น ขึ้นอยู่กับการต้ดสินใจของทางมหาวิทยาลัย
“ผมไม่เห็นความไม่มีเสธียรภาพทางการเงินใดๆ ในส่วนที่มีการพูดถึงมหาวิทยาลัยทั้ง 7 แห่งในรายงาน พวกเขาต่างเข้าใจถึงความสำคัญในการบริหารงานให้มีเสธียรภาพทางการเงิน” นายเทฮัน กล่าว
รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์ ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ
เรื่องราวที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
เอทีโอเตือนรายได้ในต่างประเทศก็ต้องแจ้งด้วย
